วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

คือ อยากรู้ว่าจะไปเทียวเซี่ยงไฮ้ ต้องทำวีซ่าหรือป่าวครับหรือมีแค่พาสปอร์ต ก็พอครับ ใครเคยไปแน่นำบอกทีครับผม หรือจะแนะนำที่เที่ยวกับโรงแรมก็ได้ครับ ขอบคุณครับผม
พอดีจะไปโตเกียว และหาซื้อพวกเครื่องมือซ่อมรถยนต์ ต้องไปซื้อที่ละแวกไหน ของโตเกียว แล้วการเดินทางไปยังไงอ่ะ
อยากรู้ว่า

มีม่อนดอยที่ไหน ที่สามารถเดินขึ้นไปเองได้ โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่หรือลูกหาบ
และก็สามารถก่อกองไฟได้

มีไหมครับ หรือว่าไม่มีเลย เม่าเหม่อ แก้ไขข้อความเมื่อ
ต้องบอกก่อนเลยว่า ผมสมัครไอดีมานานมากแล้ว แต่ไม่ค่อยได้โพสเท่าไหร่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่โพสเรื่องท่องเที่ยวซะด้วย ซึ่งปกติก็เป็นแบ็คแพคเกอร์อยู่แล้วครับ แต่ไม่ค่อยได้มารีวิว เนื่องจากลองเขียนแล้วทำได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่มาถึงโพสนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์จากการ

“ไปเที่ยว...แบบไม่วางแผน”

คือผมเป็นคนชอบเที่ยวต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็ไปแต่ใกล้ๆ เน้นถูกๆ ใช้งบไม่เยอะ ก็จะมีเพื่อนคู่หูอีกคนที่เที่ยวด้วยกันประจำ ด้วยความที่ทำงานคนละที่ บวกกับงานยุ่งทั้งคู่ เวลาจองตั๋วก็ยุกันสนุก แต่พอได้ตั๋วมา ใกล้จะถึงวัน ต่างคนต่างเกี่ยงกันวางแผน จนทุกครั้งที่ไปเที่ยว ไม่เคยวางแผนเลย

คำว่าไม่ได้วางแผนในที่นี้ หมายถึง นอกจากตั๋วเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวเราไม่มีการจองอะไรทั้งสิ้น และที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยว ก็รู้แต่ที่ดังๆ แต่ไปยังไง ก็ไปไม่เป็น ไม่มีแผนการ ไม่มีตารางเวลาใดๆ

ด้วยความที่ตอนเริ่มออกเที่ยวแรกๆ ไปมาตั้งหลายประเทศ ก็ทำแบบนี้มาเรื่อย มันก็ไม่เคยมีปัญหา เราเลยปล่อยเลยตามเลยมาตลอด

จนกระทั่งมาถึงปีนี้ ที่เพิ่งไปมาช่วงปลายๆเดือนกุมภาพันธ์ ก็แพลนกันว่าจะไปเที่ยวกันที่ประเทศสิงคโปร์ โดยบินไปลงหาดใหญ่แล้วต่อรถทัวร์ไปสิงคโปร์ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเราไปเที่ยวทางมาเลเซียและสิงคโปร์มาก่อนหน้านี้แล้วประเทศละ 2 ครั้ง ทำให้เราค่อนข้างชะล่าใจกับทริปนี้เป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าผมเก็บกระเป๋าตอนเช้าก่อนเดินทาง ส่วนเพื่อนดริงค์จนเช้าแล้วเดินทางต่อ

อ่านเหตุผลว่าทำไมเราต้องเดินทางไปลงหาดใหญ่ก่อนแล้วค่อยไปสิงคโปร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เนื่องจากพวกเราได้ทำการจองตั๋วกับสายการบินหนึ่งที่ชอบออกโปรบ่อยๆ ซึ่งเราจองตั๋วเส้นทางไว้แบบนี้
1.กรุงเทพฯ – สุราบายา
2.บาหลี – สิงคโปร์
3.กัวลาลัมเปอร์ – บรูไน (ไป-กลับ)
4.กัวลาลัมเปอร์ – โคตา คินาบาลู (ไป-กลับ)
5.กัวลาลัมเปอร์ – ย่างกุ้ง
6.ย่างกุ้ง – กรุงเทพ
เราจองตั๋วตอนที่มีโปร ทั้งหมดนี้อาจจะดูเยอะ แต่เราจองทั้งหมดด้วยเงินประมาณ 5 พันปลายๆเท่านั้น

แต่พอถึงเวลาจริงๆ เส้นทางสุราบายากลับถูกยกเลิกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทำให้เราเคว้งคว้าง เมื่อทำเรื่องขอเงินคืนก็ได้แค่เส้นทางสุราบายา เพราะเส้นทางอื่นๆมันไม่ต่อเนื่อง (เพราะเราวางแผนการเดินทางทางบกด้วย) แต่สุดท้ายก็ดำเนินการจนได้เป็นเครดิตบนเว็บมาแทน

ซึ่งบังคับให้เราใช้มันจนได้ และผมก็ไม่อยากเสียตังค์เพิ่มอีกแล้ว เมื่อพิจารณาจากงบที่มีอยู่ก็ไปได้แค่ประเทศใกล้ๆ ซึ่งเราไปมาหมดแล้ว เราเลยเลือกสิงคโปร์ก็ถือซะว่าไปพักผ่อน แต่ว่าไป-กลับ เครดิตที่มีอยู่มันไม่พอ เลยเลือกขาไปลงหาดใหญ่ แล้วหารถทัวร์ต่อไปเอา เพื่อขากลับจะได้กลับจากสิงคโปร์ลงกรุงเทพ

ทั้งหมดก็เป็นไปด้วยประการฉะนี้


เรานัดเจอกันที่ดอนเมือง บินลงหาดใหญ่ด้วยใจมุ่งมั่น ลงเครื่องไม่รีรอ ต่อรถสองแถวเข้าเมืองเพื่อไปจองรถบัสไปสิงคโปร์ แต่เมื่อไปถึงบริษัททัวร์ของรถบัส ทุกอย่างทำเราฝันสลาย เมื่อพบว่าช่วงที่เรามามันคือ….

ตรุษจีน !!!!!

ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ มาเลเซียเดินทางเข้าออกกันด้วยรถบัสกันอย่างล้นหลาม และเมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ก็พบว่ารถบัสเต็มยาวไปถึงอีก 3-4 วันข้างหน้า ซึ่งแน่นอน เราอยู่นานขนาดนั้นไม่ได้ งานก็ต้องทำ แถมในมือก็มีตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพจากสิงคโปร์อีกด้วย นั่นทำให้เราต้องไปที่นั่นให้ได้

“แย่แล้ว...ทำไงดีว่ะ”

ผมกับเพื่อนพูดวนกันอยู่อย่างนั้น พยายามหลอกตัวเองด้วยการเดินไปถามบริษัททัวร์อื่นๆ รอบหาดใหญ่ แต่ก็ได้ความว่าแต่ละบริษัทก็รับจองรถบัสคันเดียวกันทั้งนั้น นั่นหมายถึง ถามกี่ที่ ถ้าเต็ม ก็เต็มเหมือนกันหมด

ด้วยความที่พอจะมีประสบการณ์การเดินทางเส้นทางนี้อยู่บ้าง ก่อนหน้านี้อย่างที่ได้กล่าวไว้ เราเคยมาเลและสิงคโปร์ 2 รอบ รอบแรกนั่งเครื่องลง KL ไปมะละกาข้ามไปสิงคโปร์ รอบที่สองนั่งรถไฟสายบัตเตอร์เวอร์ธต่อด้วยไปเที่ยวปีนังแล้วนั่งเครื่องไปสิงคโปร์ เรารวบรวมสติ กลั่นประสบการณ์แล้วได้คำตอบว่า

“ไปบัตเตอร์เวอร์ธก่อนละกัน....”

คือเราพยายามจะไปให้ใกล้สิงคโปร์มากที่สุดเท่าที่เราทำได้ พยายามแบ่งเส้นทางเดินทางให้เราเคลื่อนไหวไปข้างหน้าตลอดเวลา เราไม่รอช้ารีบวิ่งหาบริษัททัวร์ จนได้รถตู้ที่จะเดินทางไปบัตเตอร์เวอร์ธ ใช้เวลานานมาก เนื่องจากรถติดในช่วงเทศกาลตรุษจีน เราออกจากหาดใหญ่บ่าย 3 ไปถึงบัตเตอร์เวอร์ธ 2 ทุ่ม หรือ 3 ทุ่มตามเวลาที่นุ้น ทั้งที่คนขายตั๋วบอกว่า 6 โมงก็ถึงแล้ววววว

ปัญหามันไม่จบแค่นั้นครับ รถตู้มาส่งที่ บขส. ของบัตเตอร์เวอร์ธ เรารีบเดินเข้าไปหาตั๋วเพื่อไปสิงคโปร์ ปรากฏว่าสภาพเดียวกันกับที่หาดใหญ่ครับ คือตั๋วเต็มยาวไปอีกหลายวัน ตอนนั้นคือเซ็งมากครับ กำลังคิดว่าจะหารถต่อไป KL , มะละกา หรือว่ายะโฮร์บาห์รูก่อนดี เพราะเราจะไม่นอนที่บัตเตอร์เวอร์ธแน่ๆ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าๆครับ ระหว่างที่เรากำลังรอ อยู่ดีๆก็มีชายแก่ๆ คนนึงมาถามเราว่า

"อยากไปสิงคโปร์ใช่ไหม?"

หน้าตาเรามีความหวังขึ้นมาทันที ยังกะแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้เจอหน้าพ่อหน้าแม่ เราตอบแบบถามคืนข้ามขั้นไปเลยว่าคุณมีตั๋วใช่ไหม เขาบอกพาเราไปได้ ให้เดินตามมา เขาก็ขับมอไซค์นำทาง เรารีบวิ่งตามเลยทันที

จนไปหยุดที่รถบัสคันนึง เราก็โอเคดูแล้วไม่น่ามีอะไร แต่ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ชายแก่คนนั้นเขาเดินไปเปิดห้องใต้ท้องรถ ใช่ครับ ใต้ท้องรถที่เป็นที่เก็บกระเป๋า บอกเราไปแบบนี้ได้ไหม ไม่งั้นไม่มีแล้ว ผมกับเพื่อนคิดนานมาก เพราะมันค่อนข้างลำบากและที่สำคัญเขาคิดราคาตั๋วแพงกว่าปกติด้วย เก็บคนละ 120 ริงกิต เพราะตอนแรกเราถามกับบริษัททัวร์ที่บัตเตอร์เวอร์ธเมื่อเรามาถึง ราคามันแค่ 88 ริงกิต แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องเลือกที่นี่ครับ เพราะไม่มีที่ไป แล้วเราก็ต่อราคาลงมาได้ที่ 100 ริงกิต



สภาพภายใต้ท้องรถประมาณนี้ครับ คือไม่ได้เล็กเหมือนของไทย เหมือนเป็นห้องพักของคนขับรถด้วย แต่ทว่าพอเราขึ้นไป 2 คน สักพักก่อนรถออกก็มี คนขึ้นมาอีก 4 คน มีมอเตอร์ไซค์มาอีก 2 คัน เรียกได้ว่าอึดอัดเต็มขั้นเลยทีเดียว แถมเมื่อรถออกเดินทาง แอร์ที่ใต้ท้องรถนี่หนาวยังห้องเย็น และไม่สามารถปรับเพิ่ม-ลดแอร์ได้เลย

พยายามกลั้นใจให้หลับครับ สุดท้ายคนอื่นที่ใต้ท้องรถก็ทยอยลง มอเตอร์ไซค์ออกไปทีละคนจนหมด รถก็มาจอดที่วู้ดแลนด์ตรงด่านชายแดนมาเล-สิงคโปร์ และรถก็จะหยุดที่นี่ ทำให้เราลงไปทำเรื่องข้ามแดน หารถเข้าเมืองและเที่ยวได้จนจบทริปครับ

ประสบการณ์จากครั้งนี้สอนให้เรารู้เหมือนกันว่าการวางแผนในการท่องเที่ยวสำคัญแค่ไหน เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในพันธุ์ทิพย์ได้อ่านกันครับ และรูปภาพตอนลำบากไม่ค่อยมีนะครับ เพราะมันวุ่นวายมากจนไม่ได้ถ่ายรูป มีแต่รูปที่เดินทางไปถึง ซึ่งก็ไม่เยอะเช่นกัน เพราะนี่เป็นครั้งที่ 3 ของเราแล้วที่สิงคโปร์

ขอทิ้งท้ายด้วยภาพที่ฮาจิเลนนะครับ คราวหน้าผมจะขอมารีวิวแบบเต็มๆซักที

อมยิ้ม01

ไม่ทราบว่าพอจะมีใครมีที่พักแนะนำมั้ยคะ
เอางบไม่เกิน 1,500 บาท
รวมอาหารเช้า อยู่ภายในตัวเมืองหน่อย
พอดีหาดูรีวิวแล้วมีคนรีวิวน้อย ใครเคยไปรบกวนที่นะคะ
ขอบคุณมากๆค่า ^^
Hello … สวัสดีค่ะ นี่จะเป็นรีวิวการเที่ยวเชียงใหม่แบบ สาวโสด ชิวๆเลยนะคะ  ^^
ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตัวก่อนขอใช้ชื่อ ขวัญค่ะ ตอนนี้อายุ 23 แล้วเย้ๆ ยินดีตอนรับทุกคนนะค่ะ  
นี่เป็นรีวิวครั้งแรกนะคะ ผิดพลาดอะไรยังไงก็ ขออภัยด้วยนะคะ ^^ สาวแว่น

คือต้องบอกก่อนว่าตอนแรกไม่ได้เตรียมตัวอะไรเท่าไร เพราะไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนเลยแต่อยู่ดดีๆก็นึกขึ้นมาในหัวว่า อยากไปไหว้พระที่ดอยสุเทพจัง ? จังหวะนั้นเองก็คิดเลยว่า เอ้า  ! แล้วทำไมไม่ไปละ ? จัดเลยดิ
อันดับแรกเลยขวัญเลือกการเดินทางแบบ นั่งเครื่องบินนะ
ขวัญเลือกวันเดินทางในช่วง ศุกร์-อาทิตย์ ซึ่งถ้าเราจองตั๋วเครื่องบินในช่วงวันหยุดราคาก็อาจจะแพงขึ้นนิดหน่อย แต่ ... เราเลือกช่วงโปรคะ 5555 + วันเดินทางของเราคือวันที่ 27-29 มีนาคม 2558
ขวัญได้ขาไปในวันที่ 27 ของ นกแอร์ช่วงโปร 690 บาท จ่ายที่ 7 เว่นแต่รวมเบ็ดเสร็จแล้วทั้งหมดก็ 990 บาท
ส่วนขากลับได้ของ แอร์เอเชียคะเบ็ดเสร็จก็ 1,343 บาท  ราคาประมาณนี้ถือว่ารับได้ค่ะ
ก่อนเดินทาง 2 อาทิตย์เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากเลยเพราะเชียงใหม่มีปัญหาเรื่องหมอกควันไฟป่าจนเที่ยวบินดีเลย์ไปเยอะเลย แต่โชคดีอีก 3 วันก่อนวันเดินทางมีฝนตกลงมาลดเรื่องหมอกควันไปได้เยอะเลย
โอเค ต่อมาก็หาที่พักก็ดูอยู่หลายที่อยากได้ราคาที่พอดีไม่เกิน 700 ดูไปดูมาอยู่หลายรอบก็ได้ที่ B2 Green
เป็นทำเลที่ดีเหมือนกันอยู่แถวๆเซ็นทรัลกาดสวนแก้วอยู่ในซอยลึกประมาณ 700 เมตรเดินออกมาหน้าปากซอยก็ไม่ไกลนะยังได้อยู่ แล้วยังก็อยู่แถว ถ.นิมมานด้วย หากออกไปอีก 1 ไฟแดง แนะนำเช่ามอเตอร์ไซค์เล่นในเชียงใหม่นะคุ้มกว่า หน้าปากซอยมีร้านร้านมอเตอร์ไซค์วันละ 200-300 บาท แล้วแต่รุ่นนะ ส่วนเรื่อง
ราคาที่พักก็คืนละ 590 บาทรวม 2 คืนก็ 1,180 ดีตรงไหนรู้ป่ะ ? จองแล้วเราสามารถไปจ่ายหน้าเคาน์เตอร์ได้เลย เยี่ยม
Ok ถึงวันเดินทางแล้ว เวลาเดินทางของขวัญคือ 14:30 น. แนะนำนะค่ะใครไม่ติดธุระเลือกไฟล์เช้าได้เลย หรือเอาเวลาที่เราสะดวกนะ
นกแอร์ที่นั่งสบายยืดขาได้สะดวกเลย (หรือเราเตี้ย –“ )



บินกับนกแอร์ชอบตรงที่เราสามารถโหลดกระเป๋าไปฟรีถึง 20 กก.แล้วยังมีของว่างให้เราทานด้วยคะมันดีตรงนี้แหละ ^^ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสค่ะ เครื่องกัปตันก็ขับนิ่มมากเลย


เผลอแป๊บเดียวถึงเชียงใหม่แล้วเย้ เย้ เย้  


ขวัญเลือกออกมาโบกรถเเดงหน้าสนามบินไปที่พักเเถวๆกาดสวนเเก้ว ตอนเเรกกังวลอยู่เหมือนกันว่าเหมาไปนี่เเพงเเน่เลย  เลยถามพี่คนขับก่อนว่า ไป B2 Greenเท่าไรพี่เค้าบอก 30 บาทเจ้า ^__^ โอเคโดดขึ้นรถเลยเจ้า
ถึงที่พักแล้วเช็คอินจ่ายค่าที่พักเรียบร้อยรับคีย์กาดร์ขึ้นห้องเลยเจ้า มาดูซิว่าห้องพักเป็นยังไงบ้าง เปิดเข้ามาแล้วก็ ว๊าวววววว สมราคานะ




นั่งพักสักหน่อยก็ได้เวลาออกไปหาอะไรกินแล้ว ^^ ร้านที่ขวัญเลือกกินวันแรกนี้เป็นร้านชูซิค่ะ <
มาเชียงใหม่แต่กินอาหารญี่ปุ่นคือไร ? เห็นรีวิวเยอะแล้วชอบกินอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วเลยจัดเลยค่ะ


ร้านนี้ชื่อร้านว่า สึนามิชูซิ หาง่ายค่ะอยู่ทางไป มช. อยู่ตรงสี่แยกโรงแรมภูคำร้านอยู่ ขาวมือเลยจร้า
มาถึงร้านประมาณ 6 โมงกว่าๆแล้วค่ะ คนเยอะมากรออยู่ประมาณ 10 นาทีเราก็ได้ที่นั่งตรงบาร์แล้ว พ่อค้าทำกันต่อหน้าเลย



เมนูที่สั่งก็เป็น ปลาดิบรวม+ข้าว+ซุปมิโซ ราคา 230


ยําสาหร่าย 75

ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปูอัด  69
น้ำอัดลม 20

ปลาแซลมอนเค้าสดมากเลยคคะ ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว
อิ่มอร่อยแล้วก็โบกรถแดงกลับที่พัก 20 บาท
มื้อแรกขอแค่นี้เก็บแรงไว้ในพรุ่งนี้เช้า ^^
28/03/15  
07:00 น.
ออกตัวก่อนเลยว่าเมื่อคืน นอนไม่หลับเลยสงสัยแปลกที่ <
Ok อาบน้ำเตรียมตัวไปดอยสุเทพกันค่ะ เหมือนเดิมเราเดินออกไปหน้าปากซอนเพื่อโบกรถแดงไปที่หน้า มช.
จะมีคิวรถแดงอยู่ที่นั้น ค่าโดยสารก็ตามนี้เลยค่ะ ใครจะไปแวะที่ไหนบ้างก็แล้วแต่สะดวกได้เลย


เราขับขึ้นเขามาเรื่อยๆชมบรรยากาศไปไม่นานก็ขึ้นมาถึงดอยสุเทพแล้วค่ะ
ว๊าวววววว  เวียนหัวอีกแล้วขอยาดมแป๊ปปปป –“
เป็นสาวโสดค่ะ มาคนเดียวแบบนี้อยากจะได้ภาพสวยๆที่ไม่ใช้เซลฟี่ก็ต้องพึ่งเพื่อนร่วมทางแถวนั้นเลยค่ะ ^^
ฝีมือการถ่ายภาพพี่เค้าดีนะเนี่ย ^^

การขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ
1.ขึ้นกระเช้า ค่าบัตรขึ้นกระเช้า 20 บาท/เที่ยว
2.เดินขึ้นไปเองเลยจร้า 300 ขั้น
ขวัญเลือกขึ้นกระเช้าในตอนขึ้นไปค่ะ ตอนแรกแอบเสียวอยู่หน่อยๆ <แต่แปปเดี๋ยวก็ขึ้นมาถึงแล้วค่ะ


คำแรกที่ขวัญพูดขึ้นมาเลยคือ Wowww มันสวยมากจริงๆค่ะรู้สึกได้ถึงความศรัทธา
คือเราตั้งใจมากมานี้มากๆและสิ่งที่ได้เห็นมันคุ้มกับการเดินทางจริงๆ
ได้เห็นถึงแรงศรัทธาของผู้มาเยือนแล้วก็รู้สึกอิ่มบุญไปกับเขาด้วย มาถึงพระธาตุแล้วก็ขอเดินวนบูชาพระธาตุกันหน่อย
ข้างบนอากาศดีค่ะมีแดดแต่อากาศเย็นๆสบายๆ




นั่งเล่นอยู่นานลืมดูเวลาเลย ตอนนี้ก็ 11 โมงกว่าแล้ว เราควรลงไปหาอะไรทานดีกว่า
ขาลงขอเดินลงไปเก็บภาพหน่อยแล้วกัน ^^  
ลงมาเรื่อยๆก็เจอเด็กน้อยแต่งชุดตัวชาวเขาอยู่ข้างล่าง
ใครจะถ่ายรูปกับนางเก็บตังนะจ๊ ^^

ลงมาถึงข้างล่างแล้ว มีรถแดงกำลังจะออกพอดีเหลือนั่งหน้าคนขับ 1 ที่
นั่งรถมาก็แอบคุยๆกับพี่คนขับถึงเรื่องนักท่องเที่ยวพี่เขาบอกที่ดอยสุเทพนี่นักท่องเที่ยวจะมาเยอะทุกช่วงแม้จะไม่ใช้ช่วงเทศกาล
เพราะเขาบอกว่า ถ้ามาเชียงใหม่แล้วไม่ได้ขึ้นมาไหว้พระธาตุก็เหมือนมาไม่ถึง ..... นั่งหน้าก็เก็บภาพกันไปป

ขวัญนั่งรถเลยมานั่งที่พักเลยค่ะถ้าลงหน้า มช. ก็ 40 บาท แต่ต่อเข้าเมืองเลยก็ 60 บาท
ก่อนลงของเซลฟี่กับพี่คนขับแป๊ปนางเป็นกันเองดีค่ะค่อยแนะนำเมืองเชียงใหม่ให้ฟังตลอดทางเลย   ผู้ชาย

ตอนนี้ก็ออกมาหาอะไรกินกันเถอะหิวเเล้วๆๆๆเช่ามอเตอร์ไซค์ออกมาเรียบร้อย
ร้านที่ขวัญเลือกมากินนี่คือร้าน ก๋วยเตี๋ยวอัญชัน
ร้านอยู่ตรง ถ.ศิริมังคลาจารย์ ซ.9ต.สุเทพ อ.เมือง
เปิด 9:00-16:00
084-9492828
ที่ร้านมีเมนูอาหารให้เลือกเยอะ แต่ขวัญให้ทางร้านแนะนำเมนูให้เขาก็เเนะนำ 2 เมนูนี้ ก๋วยเตี๋ยวอัญชันกับซุปกระดูกหมู
ที่ขวัญเลือกมาเป็นเเบบ ตำย้ม แต่เเนะนำว่าเอาแบบธรรมดาดีกว่าหน้าจะได้รสชาติของกระดูดหมูมากกว่า ส่วนน้ำสีม่วงๆก็คือน้ำอัญชันมะนาวตอนแรกเขาให้มาเเบบเอามะนาววางไว้เชยๆสีมันก็ออกม่วงอ่อนๆพอบีบมะนาวลงไปสีก็เข้มขึ้นเลย

เรื่องรสชาติ ขอยกใหญ่ก๋วยเตี๋ยวอัญชันคะ อร่อยมากเส้นเหนียวนุ่มมากคือกินเเต่เส้นเปล่าๆยังอร่อยเลย
หมูก็นุ่มมาก + กับน้ำจิ้มของเขาเเล้วเข้ากันสุดๆลงตัวมากจุดไป 2 จาน คิคิ ส่วนซุปกระดูกหมู กระดูกหมูนิเปื่อยสุดๆเเต่อย่างที่ปกเเนะนำเอาเลยธรรมดาดีกว่าซดน้ำซุปจะได้โล่งคอเเต่ก็เเล้วเเต่ความชอบนะค่ะ
ส่วนเรื่องราคา ก็ ก๋วยเตี๋ยวอัญชันจานละ 40 บาท
ซุปกระดูกต้มยำ 30 ธรรมดา 25
น้ำอัญชันมะนาว  20 บาท

รอเวลาย่อยก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกมาที่ มช. มีอาจารย์ของขวัญแนะนำมาว่าใน มช. มีอ่างแก้วเป็นวิวที่สวยมาก
และพอได้มาก็ ใหมญ่มากจริงๆมีหนุ่มสาวมาเดินเล่นกันเยอะเลยถ่ายรูปพอเป็นพิธี มากันเป็นคู่เยอะเกิน
ความเหงามันครอบงํา < ไปหาอะไรกินดีกว่า  



ทานของคาวแล้วต่อด้วยของหวานเลยเเล้วกัน เราไปที่นิมานกันเลยคะ ขวัญเเวะไปกินไอศกรีมกดกริ่ง นิมมานซอย5 เห็นเค้าว่าเป็นไอศกรีมโฮมเมดที่ใครไปซื้อจะต้องกดกริ่งเรียกเท่านั้น นิเมนูค่ะ
มีทั้ง
กะทิมะพร้าวอ่อน
ข้าวเหนียวมะม่วง
ทุเรียน
เยอะค่ะเลือกได้เลย

ขวัญเลือกมา  2 รสคือ กะทิมะพร้าวอ่อนกับ ข้าวเหนียวมะม่วง รสชาติอร่อยเลยค่ะ
เหมือนเค้าไม่หวงเครื่องเลยอ่ะ กะทิมะพร้าวมันก็ทั้งหอมทั้งมันกะทิเเบบพอดีๆมีเนื้อพร้าวอ่อนผสมเป็นชิ้นเล็กๆอยู่เยอะเลย อร่อยมากคือชอบเลย ส่วนรสข้าวเหนียวมะม่วงก็เป็นข้าวเหนียวมะม่วงเลยมีข้าวเหนียวผสมอยู่ด้วยลงตัวค่ะร้านนี้
สั่งเเบบเเก้วเล็กค่ะ ราคา 20 บาท แก้วใหญ่เลยก็ 80 บาทค่ะ

มาต่อที่ร้าน iberry  ร้านไอศกรีมของพี่โน้ตอุดมกันเลย วันนี้ขวัญสั่ง
สตอเบอรี่ปั่นแล้วก็ไอศกรีมซีสเค้กค่ะ เข้าไปส่งที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายตังรับหมายเลขโต๊ะแล้วไปเลือกที่นั่งได้เลยค่ะ


ร้านนี้เรียกได้ว่าเป็นการสร้างแลนด์มาร์คของเชียงใหม่อีกเลยทีเดียวบรรยากาศสบายทางร้านเปิดเพลงชิวๆ  มีที่ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันทางร้านจะมีโซนของที่ระลึกขายด้วยนะค่ะ ขวัญออกจาก iberry ก็ประมาณ 16:30 แล้วพอออกจากร้านพี่โน้ตขวัญก็ตั้งใจจะไปหาซื้อของฝากที่ตลาด วโรรสค่ะ แต่ปรากฏว่าตอนไปอ่ะหลงทางอยู่สักพักก็ไม่ได้นานอะไรมาก แต่พอไปถึงตลาดตลาดปิดแล้วจร้า –“  ตลาดที่นี้เห็นเค้าบอกว่าเปิดตั้งแต่ ตี5 นะคะ
ตอนมาว่าหลงแล้วตอนกลับหลงไปใหญ่เลยค่ะ คือก็คิดว่าออกทางเดิมทุกอย่างนะขับตามทางคูเมืองไปเรื่อยๆสรุปมันวนค่ะ < วนอยู่แบบนั้นอยู่ประมาน 2 รอบได้นิตามทางแล้วนะแต่มันก็ยังหลงอยู่ดี
ตอนนี้กลับห้องเลยค่ะกว่าจะถึงก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว แล้วคือเมื่อยมากคืนนี้เลยไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ นอนอย่างเดียว  เม่านอนไม่หลับ ชื่อสินค้า:   เชียงใหม่ คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว