(ปุ๋มจะไม่เน้นเป็นการรีวิวสถานที่ เพราะตัวเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก แต่จะขอเล่าเรื่องการผจญภัยในแบบของปุ๋มแล้วกันนะคะ)


ทริปนี้ปุ๋มพก SONY alpha 6000 ติดตัวไปด้วยค่ะ ภาพไม่สวยเท่าไหร่เพราะเพิ่งซื้อ
ยังใช้ไม่เป็นเลยค่ะ T T

ทริปนี้ค่อนข้างมีปัญหากับการเดินทางด้วยเครื่องบินมากๆค่ะ ตามกระทู้ที่เคยอัพไว้ก่อนหน้านี้เลย
http://pantip.com/topic/33082876
เราถูกโยกให้ออกเดินทางพร้อมกับ KLM เวลาถูกเลื่อนไป2ชั่วโมง
ทำให้เราถึงที่Baselช้าลงไปอีก
ปุ๋มค่อนข้างกังวลเพราะรู้อยู่แล้วว่ายุโรปจะมืดไวมากๆในช่วงหน้าหนาว
และในหลายๆประเทศ ที่สนามบินจะไม่มีพนักงานอยู่เลย
และที่สำคัญทุกครั้งที่เที่ยวจะไม่เคยซื้อ Travel book หรือ Travel Mapมาศึกษาก่อนเลยสักครั้ง
ปุ๋มจะอาศัยการขอMapจาก Information Deskที่สนามบินเลย ประหยัดด้วย แถมได้ลุยเองด้วย
สนุกกว่ากันเยอะค่ะ



แต่ครั้งนี้ด้วยความที่ถึงช้า เลยsearchคร่าวๆวิธีการเดินทางไปที่พักแล้วจดไว้
จริงๆแล้วปุ๋มว่าการที่เราเที่ยวแบบไม่มีเป้าหมายมากก็ดีนะค่ะ(เป็นความชอบส่วนตัว)
เราจะไม่คาดหวัง
ถ้าเรามีสถานที่ที่อยากเที่ยวในใจเยอะมาก เราจะเสียเวลากับการตามหาสถานที่นั้นๆ
มากกว่าการเก็บเกี่ยวบรรยากาศรอบข้าง
ปุ๋มจะชอบดูตามpage facebookหรือรีวิวพันทิปเป็นไกด์คร่าวๆ
แต่จะเลือกที่จะหลงเองดีกว่าค่ะ จะได้เจออะไรด้วยตัวเองด้วย


ขอแนะนำตัวเองหน่อยละกันเนอะ


สำหรับเรื่องการบริการบนเครื่องของ KLM ถือว่าน่าพอใจมากๆค่ะ
บริการดีเลยทีเดียว มีสจ๊วตเทคแคร์แบบน่ารักมากๆ ชวนคุยตลอด
พลางทำให้การเดินทางสั้นไปเยอะเลยค่ะ
พอถึงสนามบิน Basel-Mulhouse Euro Airport ปุ๋มไม่รอช้า รีบลงมาเพื่อรอรับกระเป๋าทันที
สนามบินค่อนข้างเล็ก และมีป้ายบอกทางชัดเจนตลอดค่ะ
เป็นป้ายบอกทางออกสำหรับ เข้าฝั่ง France และ ฝั่ง Switzerland ให้เห็นชัดเจนเลย
(ขออภัยที่ลืมถ่ายรูปมาเพื่ออธิบายนะคะ)
ปุ๋มได้กระเป๋าเสร็จ พาแม่เดินออกมาเพื่อขึ้น Shutter Busตามป้ายบอกทางที่มีอยู่ในสนามบิน
Shutter busจะจอดรอตรงที่จอดเป็นแถวอยู่หน้าทางออกเลยค่ะ และมีตู้สำหรับซื้อตั๋วตรงนั้นเลย
สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ จะงงๆหน่อยนะคะ
ปุ๋มจำไม่ได้ชัดว่าข้างล่างหรือข้างบนจะมีให้เลือกเปลี่ยนภาษา แต่พอเปลี่ยนได้ก็จะสบายแล้วค่ะ
จะมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย
ทั้ง1day ticket, Zone ticketและอื่นๆ
แต่ครั้งนี้ปุ๋มเลือกเป็นIndividual ticketขาเดียวเท่านั้นเพราะถึงก็มืดแล้ว และอีกอย่างการเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์มีข้อดีที่ พอเราcheck-inที่พัก ทางที่พักจะมีบัตรที่สามารถเที่ยวรอบเมืองได้ฟรีทั้งวันตามระยะเวลาที่อยู่พักในเมืองนั้นๆด้วย ที่สำคัญคือปุ๋มเน้นเดินมากกว่าด้วย
เราเลือกจากสนามบินไปยัง Basel SBB (SBBคือสถานีรถไฟค่ะ) เป็นจุดศูนย์รวมนั่งรถรางได้ง่ายสุดๆ
(ปุ๋มเสียดายมากเลยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอธิบาย ขออภัยนะคะ)
ปุ๋มลืมเล่าไปว่า เหตุผลหลักที่เราเลือกมาที่นี่เพราะเพื่อนปุ๋มชาวสวิส อาศัยอยู่เมืองเล็กๆติดกับบาเซิลเลยค่ะ
ทำให้ง่ายที่จะเดินทางนิดหน่อย และปุ๋มก็อยากมาเห็นเมืองนี้ด้วย เพราะปุ๋มรู้สึกเองว่า บาเซิลเป็นเมืองที่คนไทยไม่ชอบเที่ยวกัน
ต่อที่การเดินทาง บนShutter busจะมีmapของสายรถต่างๆให้ ปุ๋มรีบcheckตามข้อมูลที่ตัวเองหามาทันที

พอถึงสถานีรถไฟ (รูปนี้เป็นรูปที่ปุ๋มถ่ายขากลับมาจะออกเดินทางไปColmarค่ะ)

ก็จัดแจงต่างคนต่างลากกระเป๋าใบโตไปที่จุดขึ้นรถรางที่อยู่ตรงข้ามสถานีเลย
ถ้าเพื่อนๆได้มาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์จะค่อนข้างแปลกใจกับการเดินทางมากๆ
พวกรถเมลล์หรือรถรางภายในเมืองจะไม่มีการตรวจตั๋วใดๆทั้งสิ้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่ปุ๋มเดินทางครั้งแรกแปลกใจมากๆ
ในใจก็พลางคิด
"งี้ถ้ามีคนโกงไม่จ่ายก็ได้ซิ"
มันทำได้จริงๆค่ะ
ปุ๋มถามเพื่อน เพื่อนเคยเล่าว่า
"จะขึ้นแบบไม่จ่ายก็เป็นไปได้นะ แต่ผิดกฎหมาย
พลเมืองทุกคนจะซื้อตั๋วเป็นหลายเดือน แล้วขึ้นได้ไม่จำกัด
ทุกคนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยที่ไม่ต้องมีคนมาคอยตรวจ"
สุดยอดเลย!!!






ปุ๋มพาแม่เดินทางมาถึงที่พักด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย
เพราะแม่ไม่เคยมาเที่ยวกับปุ๋ม ก็มัวแต่ตกใจตลอดว่าจะเลยจุดที่ต้องลง หรือขึ้นผิดสาย

ที่พักสะดวกสบายและสะอาดไม่ต่างจากที่Youth Hostel Interlakenเลย
แต่จะเก่ากว่าสักหน่อย
ครั้งนี้ปุ๋มเลือก4เตียงใน1ห้อง ซึ่งเราก็โชคดีที่มีห้องว่างที่ยังไม่มีผู้เข้าพักอยู่พอดี
ห้องเลยตกเป็นของเราไปเลย สบายสุดๆ
check-inเสร็จ พนักงานบอกราตรีสวัสเราทั้ง2พร้อมกล่าว Merry Christmas
"ใช่ซินะ นี่วันคริสมาสต์แล้วนิเนอะ พรุ่งนี้จะได้ไปChristmas marketกันที่ Colmarแล้ว"


สำหรับBaselในช่วงChristmasตรงกับที่ยานาเพื่อนชาวสวิสปุ๋มบอกไว้ไม่มีผิด
ยานาบอกว่า
"จริงๆแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ไม่น่าเที่ยวในช่วงนี้ เพราะเป็นวันหยุดยาวของทุกคน
ทุกคนจะอยู่แต่ในบ้านเพื่อฉลองกัน หรือไม่ก็ไปเที่ยวประเทศอื่นกันหมด
เมืองจะเงียบมากๆ ร้านจะปิดแทบทุกร้าน
และไม่ค่อยมีการตกแต่งเมืองให้ดูสวยงามเช่นที่อื่นๆในโลกนี้"
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมืองเงียบเกินไป...
ด้วยความเพลียจากการเดินทางและเวลาที่ต่างกัน
เมื่ออาบน้ำเสร็จ เรา2คนแม่ลูกก็หลับสนิทตลอดคืนถึงเช้าตรู่



เช้าวันใหม่ วันคริสมาสต์แล้ว
ปุ๋มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแต่เช้า แต่นั่งรออยู่นานก็ไม่สว่างซะที
เลยชวนแม่ลงมาทานอาหารเช้า ก่อนจะกลับขึ้นไปรอในห้องอีกครั้ง
จนเวลา8.00ก็แล้ว ปุ๋มเลยชวนแม่ออกเดินเที่ยวรอบๆเมือง
และสิ่งสำคัญที่ไม่เคยลืม คือ ขอMapและข้อมูลแนะนำสถานที่น่าสนใจอื่นๆจากที่พัก

ปุ๋มเริ่มจากการพาแม่เดินจากที่พักลงไปเรื่อยๆตามทางที่เห็นในแผนที่
ลงไปเดินเลียบแม่น้ำ ขณะที่เราออกเดินยังไม่สว่างเลย (สภาพคล้ายๆเกือบ6โมงเช้าบ้านเรา)




จริงๆแล้วพอได้แผนที่แล้วก็ไม่มีอะไรมากแล้วค่ะ นอกจากเดินดูรอบเมืองตามที่ปุ๋มขีดไว้ในMapนะคะ


ปุ๋มและแม่มีเวลาเดินแค่ถึงประมาณ10โมงกว่าต้องรีบกลับมาที่พักเพื่อเก็บของCheck-outตอน11โมง
จริงๆแล้วบาเซิลเป็นเมืองที่ใหญ่ค่ะ แต่ในยุโรปจะมีการแยกโซนเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างชัดเจน
ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกเที่ยวฝั่งOld townกัน เหมือนเป็นโซนท่องเที่ยวเลย
แม่แอ๊บนั่งเหงาคิดถึงพ่อแน่เลย 555



ขอพื้นที่ให้มีรูปตัวเองบ้าง


ปุ๋มว่า Baselเป็นเมืองที่น่ารักไม่แพ้เมืองอื่นเช่นกัน คนไทยไม่พลุกพล่านด้วย
เดินไปที่ไหนก็เจอบ้านน่ารักๆเต็มไปหมด แถมเมืองก็สะอาดมากๆด้วย



ทริปนี้ปุ๋มพาแม่เที่ยวด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงตัวเองล้วนๆ ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่เลย
เห็นแม่ยิ้มแบบนี้ ชื่นใจจริงๆ

บ้านหลังนี้น่ารักเนอะ

กำลังจริงจังกับการถ่ายภาพ




เดินไปเรื่อยๆก็มาถึงบริเวณ Marktplatzแล้วค่ะ





อีกอย่างที่ชอบSwitzerlandมากเพราะน้ำใสเป็นสีฟ้าเหมือนใส่คลอรีนเลย
ปุ๋มเคยคิดว่ากินไม่ได้นะคะ แต่เคยเห็นคนกินกับตาเลยค่ะ




เดินวนกลับมาจนถึงที่พัก เรารีบขึ้นไปเก็บกระเป๋าเพื่อCheck-outทันที
ครั้งนี้ปุ๋มพาแม่เดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆ จนลืมไปว่าแม่แก่แล้ว แม่เหนื่อย
ด้วยความที่ตัวเองชินกับการเดินและชอบเดินไปเรื่อยๆมากๆ รู้สึกผิดเลยปุ๋ม...



ลืมพูดถึงเรื่องการกิน ไปเลย
โดยส่วนตัวเวลาเที่ยวปุ๋มจะไม่เน้นกิน และไม่ได้รู้สึกว่าอาหารทางยุโรปถูกปากสักเท่าไหร่ด้วย
ทุกทริปที่เที่ยวปุ๋มเลยตัดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปเลย ปุ๋มจะอาศัยกินข้าวเช้าให้อิ่มที่ที่พัก
และบางทีจะเอาขนมปังฝรั่งเศสกับนูเทลล่าหรือแยม และผลไม้ติดใส่กระเป๋าไปด้วย ไว้กินตอนเดินทางหิวเล็กๆน้อยๆ
ประหยัดได้เยอะจริงๆนะคะ (ปุ๋มเคยเที่ยวตอนเรียนที่อังกฤษทริปนึงใช้จ่ายไปเพียง 2,000บาท/4วันเท่านั้น ฟินเลย)
หรือไม่ก็จะเลือกเข้าร้านจำพวกSuper market หรือ take awayง่ายๆเอาค่ะ
มาที่นี่ปุ๋มแนะนำ Migros ปุ๋มชอบนะ เพราะมีซี่โครงหมูอบ และสะโพกไก่อบชั่งเป็นขีดขาย อร่อยมากๆค่ะ
รสชาติคนไทยกินเลย แล้วยังมีแกงเขียวหวานไทย ข้าวสวย และอื่นๆที่คนไทยทานได้ง่ายๆด้วยค่ะ
แต่หลายๆครั้งปุ๋มจะเลือกลองอาหารพื้นเมือง ท้องถิ่นของประเทศนั้นๆที่หาได้ง่ายๆและราคาค่อนข้างถูกตามSuper market
หรือในMigrosนี่แหละค่ะ ประหยัดดี
จริงๆแล้ววันนึงปุ๋มกับแม่จะใช้เงินกับค่าของกินก็แค่ข้าวเย็นเท่านั้น แทบทุกวันจะอยู่ที่ราวๆ300-600บาท ยกเว้นวันที่อยากกินร้านดีๆหน่อยค่ะ
(ส่วนใหญ่จะเบอเกอร์ชิ้นนึง หรือไก่ทอด1ชุด จากBurger King หรือไม่ก็Supermarket)
เค้กที่ร้าน Migrosค่ะ อร่อยเหาะ

ต่อด้วยการเดินทางไปColmar
จากกระทู้ที่ผ่านมา ปุ๋มซื้อตั๋วรถไฟเดินทางไป Colmar ผ่านเว็บSNCFเลย
ปุ๋มชอบเมืองนี้มากๆ เพราะเห็นในPage Facbookชอบเอารูปเมืองนี้มาแชร์
คิดไว้เสมอว่าสักวันนึงต้องไปเยือนให้ได้
บวกกับได้ยินจากเพื่อนชาวฝรั่งเศสว่า Colmarเป็นเมืองเล็กๆที่สวยมากๆเลย แถมเป็นเมืองที่ดังเรื่องChristmas Marketด้วย
เอารูปมาฝากเรียกน้ำย่อยก่อนนะคะ






**ทริปนี้อาจจะไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นมากมายเท่าตอนไปกับน้อง แต่รับรองว่าได้สนุกไปด้วยกันแน่ๆค่ะ**
ติดตามชมตอนต่อไปนะคะ ปุ๋มจะเริ่มเขียนและโพสต์รูปให้กระชับขึ้น อาจจะเป็นสัก2สถานที่ต่อกระทู้น่าจะดีกว่า เพราะเที่ยว13วันคงจะเยอะไป 555 ชื่อสินค้า: บันทึกนักเดินทาง คะแนน: **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น