03:03
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกของเรา และรูปถ่ายทั้งหมดเป็นรูปจาก iPhone ที่ปรับสีใน iOS มาแล้ว ขาดตกบกพร่องยังไง ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลย ฝากด้วยนะคร้าาา !
ทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน เกิดจาก เมื่อใจมันเซ ทะเลคือจุดหมายย~~ (เย้ยยย ! ไม่ใช่ล่ะ! ) จริงๆแล้วเวลาเม้าท์ในที่ทำงานไม่พอ อยากเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ทริปนี้จึงเกิดขึ้น
เนื่องจากเป็นทริปแรกที่พวกเราออกเดินทางกันเองเป็นทริปแรก แต่โชคดีที่มีบางส่วนในกลุ่มเคยมาแล้ว จึงมีข้อมูลอยู่เยอะพอสมควร แต่ก็ใช้เวลาหาที่พักกันพอสมควรเหมือนกันค่ะ
เราหาที่พักกันล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน แต่กว่าจะติดต่อที่พักกันเรียบร้อยก็ 2 อาทิตย์แล้วค่ะ กว่าจะตบตีกันอีก แบบว่า คนนั้นอยากได้แบบนั้น คนนู้นอยากไปแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้ว เราก็มีงบจำกัด จึงตกลงกันที่นี่ "สุขสบายรีสอร์ท"
เรามีกำหนดเดินทางกันวันที่ 16-17 พค. ค่ะ นัดเจอกันที่อนุเสาวรีย์ 07.30 น. แต่กว่ารถจะออกก็ 08.30 น. แล้วค่ะ ค่ารถตู้คนละ 120 บาท (6 คน = 720 บาท) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง รถเยอะพอสมควร เนื่องจากเป็นวันหยุด
หลับๆ ตื่นๆ ก็ถึงแล้วค่ะ ก่อนถึงพัทยาฝนตกด้วย คิดว่าจะเที่ยวไม่สนุกซะล่ะ แต่พอมาถึงพัทยาแดดนี่แรงกล้ามากค่ะ 5555
อย่างที่บอกค่ะเราทำการบ้านกันมาพอสมควร พอลงจากรถตู้มาได้ สิ่งแรกที่ทำคือ แบ่งคนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงไปซื้อเสบียงจาก 7-11 พวกน้ำขนมนมเนยต่างๆ รวมทั้งของมึนเมาเล็กน้อย จ่ายไป 780 บาท (จากประสบการณ์คนที่เคยมาพบว่า 7-11 บนเกาะแพงกว่าบนฝั่งแถมคนก็เยอะอีก)
อีกกลุ่มนึงแยกไปซื้ออาหารทะเลค่ะ กุ้ง หอย ปลาหมึก และปู เนื่องจากที่พักเรามีเตาปิ้งย่างและอุปกรณ์ให้ฟรีค่ะ ส่วนปูนี่เราให้ที่ร้านนึ่งมาให้เราเลย ค่าเสียหาย 1,130 บาท (กุ้งกิโลครึ่ง 450 บาท ปู 1 กิโล 400 บาท ปลาหมึกไข่ 1 กิโล 180 บาท หอยนางรม 100 บาท)
ได้ปูแล้วเราก็เตรียมตัวไปซื้อตั๋วขึ้นเรือกันค่ะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์และกว่าจะถึงเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงแล้ว คนจึงเยอะพอสมควรค่ะ ค่าตั๋วเรือคนละ 30 บาท (6 คน = 180 บาท) มาต่อคิวซื้อตั๋วแล้วต้องเดินฝ่าเดือดไปอีกเป็นกิโลเพื่อไปขึ้นเรือ จริงๆแล้วป้าที่ขายอาหารทะเลบอกกับพวกเรามาว่าให้เดินไปซื้อตั๋วที่เรือเลย ไม่ต้องเลยเวลามาต่อคิว แต่เรากลัวเค้าไม่ขายค่ะ เลยมาต่อคิวอีก เสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง
นั่งเรือประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเกาะ เราลงที่ท่าหน้าบ้านค่ะ เพราะใกล้ที่พัก เราก็โทรติดต่อที่พักได้ความว่าให้เดินไปที่ครัวชลิตา ซึ่งจะอยู่บริเวณหลังศาลสีแดงๆ ร้านสีส้มๆ เดี๋ยวจะมีคนพาไปส่ง เดินไปถึงก็เข้าไปนั่งคุยรายละเอียดเรื่องห้องพักในร้าน แล้วก็เดินมาขึ้นรถ พอเห็นรถที่จะไปส่งเราเท่านั้นแหล่ะ .... 555555 หันมามองหน้ากันเลยค่ะ เอิ่บบบบ พี่ค่ะ มีอีกคันมั๊ยคะ? ตอนนี้เหลือคันเดียวค่ะน้อง ไปส่งลูกค้ากันหมด เอาว่ะ ไปก็ไป! 6 คนบนรถคันนี้ สภาพแต่ละคนก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ
ที่พักอยู่ห่างจากท่าหน้าบ้านประมาณกิโลกว่าๆ อยู่ถัดจากบ้านราชาวดีไปค่ะ ก่อนมาเราอ่านรีวิวบ้านพักมาพอสมควร ส่วนใหญ่ก็บอกว่าที่พักสวย แต่บริการแย่ เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะ ว่าจะสมคำล่ำลือหรือไม่
รีสอร์ทนี้น่าจะเป็นเจ้าของเดียวกันกับชบารีสอร์ทและครัวชลิตาด้วยนะคะ บ้านที่เราพักเป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ด้านในสุดเลยค่ะ พักได้ 5 ท่าน เสริมเพิ่มอีก 1 ท่าน ราคาคืนละ 2,500 บาท + เตียงเสริม 300 บาท บรรยากาศเงียบสงบใช้ได้ เดินมาถึงบ้านมีพนักงานต้อนรับอยู่หน้าบ้าน 1 ตัว
เข้ามาในตัวบ้าน นับว่า "สุขสบาย" สมชื่อเลยค่ะ ห้องใหญ่มากขนาดเอาฟูกมากางนอนกลิ้งกันได้เลย ในห้องก็มีเตียง 5 ฟุต 1 เตียง 6 ฟุต 1 เตียง โซฟา 1 ตัว ชั้นวางของ ทีวี ตู้เย็น พัดลม และห้องน้ำที่ขนาดใหญ่แบบเข้าไปนอนได้ หน้าบ้านก็มีโต๊ะไม้ที่เอาไว้สำหรับทานอาหารอีก
พวกเราก็เก็บของนอนเกือกกลิ้งกันสักพัก ก็ป่ะะ ! หิวมาก ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรมาเลย ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า
แต่ !! จะออกไปยังไง รถก็ไม่มี เลยเดินมาติดต่อที่ห้องทานข้าวด้านหน้ารีสอร์ท ได้ความว่า รถเช่าของทางรีสอร์ทหมดแล้วค่ะ ต้องจองล่วงหน้า ทำไงล่ะทีนี้ พี่เค้าคงสงสารก็เลยลองโทรติดต่อคนรู้จักที่ปล่อยให้เช่ารถให้ ได้มาคันละ 500 บาท ห๊ะะะ ! 500 เลยนะ! แพงงงง ! แพงมากกก !! แต่วันนี้ก็วันเสาร์จะออกไปเดินหาเองก็ไกล แดดก็แรงอะไรขนาดนี้ ต่อรองราคาพี่เค้าได้มา 400 บาทต่อคัน มากัน 6 คน เช่าไป 3 คัน 1,200 บาท เอาก็เอา ! อย่างว่าอ่ะค่ะ เราไม่มีสิทธิ์เลือก
:: แนะนำว่าใครที่จะมาค้างคืนที่เกาะลองสอบถามที่พักว่ามีรถให้หรือเปล่า แล้วก็จองไว้เลย จะได้ไม่เจอราคาแพงแบบนี้ ::
ได้รถแล้วก็ไปหาอะไรอร่อยๆกินกันเถอะ เพื่อนที่เคยมาแนะนำว่าให้ไปร้าน "ครัวพวงพยอม" เราก็ตรงไปเลยค่า อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทด้วย ระหว่างรออาหารก็ได้ชมวิวสวยๆไปอีก
มาทะเลก็ต้องทานอาหารทะเลสิคะ จัดเต็มทุกเมนู "ข้าวผัดทะเล 200 บาท ต้มยำทะเล 200 บาท กุ้งผัดผงกระหรี่ 200 บาท ไข่เจียวหอยนางรม 100 บาท ปูนิ่มทอดกระเทียม 150 บาท โค้ก+น้ำแข็ง 40 บาท" รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ไม่รอช้าค่ะ
:: อาหารที่นี่อร่อยดีนะคะ แต่ส่วนตัวคิดว่าเค็มไปหน่อย เพราะเป็นคนไม่กินเค็มอยู่แล้ว ::
อิ่มท้องแล้วก็ไปเติมอาหารตากันเถอะ ! ออกจากร้านไปหาชายหาดถ่ายรูปสวยๆกัน หาดแรกที่เราจะไปคือ หาดแสม แต่ไปได้แค่ครึ่งทางก็ต้องหันหัวกลับ ทางขึ้นเขาโหดมากก เพื่อนขี่รถไม่แข็งด้วย ยอมแพ้ค่ะ
หันหัวกลับเปลี่ยนทิศกันเลยทีเดียว หาหาดต่อไปที่ไปได้ง่ายกว่านี้ ไม่มีจุดหมายเลยค่ะ เห็นอัยอันไหนก็ไปอันนั้น หันไปเจอป้ายไปหาดนวลค่ะ ตรงดิ่งไปทันที พอไปถึงก็หามุมถ่ายรูปกัน หาดนี้มีแต่ชาวต่างชาติมานอนอาบแดดกันซะส่วนใหญ่
ออกจากหาดนวลเราก็ไป หาดตาแหวน กันค่ะ เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือ สะพานไม้ จุดเด่นของหาดตาแหวนคือทรายที่ขาวละเอียดจริงๆค่ะ เราเดินเลียบหาดตาแหวนไปที่ท่าหาดตาแหวนก็จะเจอกับสะพานไม้ น้ำบริเวณนี้จะใสมากค่ะ มองเห็นโขดหินด้านล่างเลย
ถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินเลาะสะพานไม้มาที่ หาดสังวาลย์ เพื่อมาเล่นน้ำกันค่ะ เพราะหาดตาแหวนคนเยอะมาก เราเช่าเตียง 2 ตัว แต่เนื่องจากเน็นแล้วเราเลยขอต่อราคา ได้มา ตัวละ 50 บาท แต่น้องที่เก็บเงินบอกให้เบาๆหน่อยนะพี่ ผมลดให้ แต่ไม่อยากให้เจ้าของรู้ 555555
บางส่วนก็เล่นน้ำกันไป บางส่วนก็ถ่ายรูปสวยๆกันไป มองไปอีกทีเพื่อนวิ่งมาเอาเงินไปเล่นบานาน่าโบทกับฝรั่งนู้นค่ะ
เล่นน้ำได้สักพักเราก็กลับกันค่ะ ส่วนที่เล่นน้ำก็กลับไปอาบน้ำก่อน ส่วนที่ไม่ได้เล่นก็ไปตลาด เพราะเราคิดว่าแค่ซีฟู้ดคงจะเลี่ยนไป หาผลไม้ในตลาดบริเวณหน้าวัดตัดเลี่ยนกันหน่อย ได้ผลไม้ 4-5 อย่าง 190 บาท
เดินเข้าไปในตลาดเจออาหารทะเลจ้า แอบไปดูราคามา แพงกว่าฝั่งเกือบร้อย แถมยังดูไม่ค่อยสด แต่ก็มีบริการย่าง เผา นึ่งให้ด้วย
ได้ผลไม้แล้วเราก็กลับบ้านไปเตรียมของสำหรับปาร์ตี้ตอนเย็น
ที่บ้านพักเราสามารถเดินไปยืมจาน ชาม ช้อน ส้อม เขียง มีด กระติกน้ำแข็งมาจากครัวได้เลย จะมีเตาที่ลานตรงกลางรีสอร์ทซึ่งก็อยู่ข้างๆบ้านเรานี่แหล่ะ ไว้สำหรับทานมื้อเย็น
วันที่เราไปมีบ้านแค่ 2 หลังที่มาปิ้งย่างกัน บ้านเราอยุ่หลังด้านในสุด ลานนี้เลยแทบจะเป็นของเรา
รอประมาณหกโมงกว่าๆก็มีคนมาจุดไฟให้เรา ไม่รอช้า ลงเตาโลดดด ~ หมายถึงอาหารนะ 55555
พออาหารสุกเราก็มานั่งเม้ามอยเฮฮากันไป กินกันไปได้ครึ่งทาง ไฟดับ ! (มีพนักงานเดินส่องไฟฉายมาหาเรา แจ้งว่า สายไฟมันขาดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ยังไม่เสร็จ รอสักพักเดี๋ยวไฟก็มา) แต่ก็มิได้เป็นอุปสรรคต่อการกิน
ระหว่างกินข้าวเจ้า 2 ตัวนี้จะเดินมาพันแข่งพันขาเราตลอดเวลา บางครั้งเวลาเราไม่สนใจก็วิ่งไปปีนกำแพงจับจิ้งจกบ้าง
พอไฟมาเราก็อิ่มกันพอดี ก็ขึ้นบ้านไปล้างไม้ล้างมือ เตรียมตัวดูอีแย้มค่ะ พร้อมด้วยเสบียง
อีแย้มจบก็นอนที่ใครที่มันค่ะ !
ตื่นมาวันอาทิตย์ สายไปหน่อยย แต่ก็ทันกินอาหารเช้า ที่นี่มีอาหารเช้าถึงเวลา 9.30 น. อาหารเช้าก็เป็นอะไรง่ายๆ มีแค่ ข้าวต้มทะเล โอวัลติน ขนมปังแยม แค่นี้ก็อิ่มแล้วค่ะ แต่ถ้าใครยังไม่อิ่มก็สามารถไปตักเพิ่มได้เรื่อยๆเลยค่ะ
อิ่มแล้วก็ไปหาที่ถ่ายรูปกันเถอะ แสงตอนเช้านี่แหล่ะกำลังสวย ขี่รถออกมา หาดที่ใกล้เราที่สุดคือ หาดตายาย พอไปถึงเท่านั้นแหล่ะ สวยยยย สวยมากกก ไม่รอช้า แยกกันไปคนละมุมเลยค่ะ 55555
เดินเลาะไปด้านหลังก็จะมีโขดหิน ต้นไม้ตรงกลางมีชิงช้าผูกไว้ด้วยค่ะ ตรงนี้มีคนรอมาถ่ายรูปกันเยอะเลย
เดินไปอีกนิดก็จะเจอกันหาด เรากับเพื่อนก็มากระโดดถ่ายรูปกันตรงนี้เห็นทะเลด้านหลังสวยมาก
ออกจากหาดตายายเราแวะไปเก็บกระเป๋าเพราะต้องเชคเอ้าท์ 11 โมง คืนนถก่อนเที่ยง เหลือเวลาชั่วโมงนึงก็ต้องไปแวะร้านกาแฟสักหน่อย เสริชมาว่า Maharak Cafe' เปิด 10 โมง เราก็รีบตรงไปเลยค่ะ
ไปถีงร้านมีป้ายบอกหน้าร้านเปิดเที่ยงกว่าๆ เราคงไท่ทัน เพราะต้องขึ้นเรือรอบเที่ยง ไหนจะคืนรถอีก เลี้ยวรถกลับไป Love On Sea เลยค่ะ แต่ไปถึงแล้วร้านเต็ม ตามคาด (หนีมาจาก มาหารักเหมือนกันสินะ 5555)
ระหว่างรอเราก็เดินไปซื้อของฝากร้านข้างๆค่ะ เดินกลับมาอีกทีมีโต๊ะว่างพอดี รีบเสียบเลยค่ะ โต๊ะเล็กไปสำหรับ 6 คน ไม่มีที่ให้ถ่ายรูปเก๋ๆเลย คนเยอะไปหมด สั่งน้ำมาคนละแก้ว (อันนี้แยกจ่ายกันเองค่ะ)
ดูนาฬิกา 11.50 น. เราก็ออกจากร้าน รีบเอารถไปคืน แล้วเดินตางไปยังท่าเรือ แต่ก็ไม่ทัน แค่เส้นยาแดงผ่าแปดเอง !! รอเรือรอบต่อไปก็บ่ายสองเลย โชคดีที่คนขายตั๋วเรืออีกลำเดินมาพอดี บอกวันนี้คนกลับกันเยอะ เรือเต็มก็ออกเลย เรานี่รีบต่อคิวขึ่นเรือเป็นกลุ่มแรกเลยค่ะ รอครึ่งชั่วโมงเรือก็ออกแล้ว
มาถึงฝั่งพัทยายังต้องมารอรถตู้อีก เหลือเงินกองกลางอยู่ 110 บาท เริ่มหิวกัน ก็เลยซื้อผลไม้ไปอีก 50 บาท เหลือเงินกลับบ้านคนละ 10 บาท 55555
ถึงอนุสาวรีย์ก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน เพราะวันรุ่งขึ้นต้องทำงาน ก็ปิดทริปกันไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น