หลังจากดองทริปเที่ยวตอนสิ้นปีมานานจนตอนนี้รูปค่อนข้างเปรี้ยวได้ที่ ผมเลยอยากจะแชร์เรื่องราวของทริปสุดมันส์ของผมและเพื่อนอีก 3 คนในดินแดน 2 ฝั่งโขงให้คุณผู้อ่านได้ติดตามกัน เชิญนั่งพับเพียบ หยิบป๊อบคอร์น แล้วนั่งอ่านได้ ณ บัดนี้....
ปีใหม่ไปไหนกันดี !!!?? ปัญหาโลกแตกที่ทุกๆสิ้นปีจะผุดขึ้นมาให้ผู้คนได้คิดกันหัวแทบระเบิด ใช้ Google ก็แล้ว ดูรีวิวก็แล้ว ก็เจอแต่สถานที่เดิมๆ นี่ถ้ากระทรวงศึกษาสามารถบรรจุคำถามนี้ไว้ในข้อสอบชิงทุนให้เด็กฉลาดมาช่วยกันคิดได้คงจะช่วยชีวิตมนุษยชาติไปได้หลายคน ผมและเพื่อนๆระดมพลครั้งใหญ่เพื่อหาคำตอบสั้นๆว่า "เราจะไปไหนกันดี" แล้วจู่ๆก็มีคนเสนอขึ้นมาว่า......ไปลาวกันไม๊??.......ตอนนั้นให้อารมณ์เหมือนดื่มซุปไก่สกัดยี่ห้อนึงแล้วมีพลุหลายสิบดวงจุดมาเป็นฉากหลังยังไงยังงั้น ในเมื่อมันหาที่เค้าดาวน์ในประเทศไม่ได้ ก็เอามันนอกประเทศนี่หล่ะวะ
แน่นอนว่าทริปนี้มันจะธรรมดาได้อย่างไร ในเมื่อ 4 หนุ่มหน้าตี๋ ดีกรี F4 รวมตัวกัน มันต้องมีเรื่องให้มากกว่านี้! พวกเราตัดสินใจจะไปเที่ยวซักที่ก่อนจะไปลาวซึ่งคงไม่พ้นดินแดนในแถบอีสาน ในหัวผมจึงผุดชื่อขึ้นมาชื่อนึง...."บึงกาฬ"....เห้ยยย! มันเป็นจังหวัดที่ใหม่และคนยังไปเที่ยวกันไม่เยอะ รีวิวก็แทบจะหาดูไม่ได้ตอนนั้น รู้อย่างเดียวว่ามันมี ภูทอก!.....แล้วไอภูทอกนี่มันคืออะไร!? อยากรู้ใช่ไม๊!? งั้นก็ไปที่นี่แหละ ง่ายดี 55555
เรานั่งรถทัวร์วันที่ 29 ธันวา แล้วมาถึงบึงกาฬตอนตี 5 ของวันที่ 30 ระหว่างนั้นก็นอนในท่ารถเลยฮะ รอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่อยออกเดินทาง บรรยากาศในตัวเมืองค่อนข้างดีเลย สมเป็นเมืองที่ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ยังไม่เยอะ ความเป็นชนบทยังอยู่ครบ ผู้คนในเมืองน่ารักยิ้มแย้มมาก
เราเจรจาต่อรองกับรถสองแถวจากท่ารถให้มาส่งที่ภูทอกแล้วจะให้เค้าพามาส่งที่ตัวเมืองเพื่อจะไปลาวต่อในราคาเอาเปรียบมากครับ.....หมายถึงพวกผมเอาเปรียบเค้านะ กดราคายับมาก 55555
พวกผมถึงภูทอกกันประมาณ 9 โมงครับ ภูทอกจริงๆแล้วมี 2 ที่คือที่บึงกาฬกับอีกที่คือเชียงคาน ภูทอกในภาษาอีสานหมายถึง ภูเขาที่โดดเดี่ยว ซึ่งที่บึงกาฬมันโดดเดี่ยวจริงๆฮะ เราสามารถเดินขึ้นภูทอกเพื่อชมวิวโดยรอบและกราบไหว้องค์พระที่อยู่บนนั้นได้ครับ แต่ทางขึ้นค่อนข้างชันและน่ากลัวเพราะทำมาจากไม้เกือบทั้งหมด จะหักตอนไหนก็ไม่มีใครทราบ
วิวบนนี้โคตรรรรรรรรรรสวยยยครับบบ ที่บอกว่าเห็นได้ทั้งเมือง คือทั้งเมืองจริงๆฮะเพราะว่าเราสามารถเดินรอบภูทอกครบ 360 องศาเลย ณ ตอนนี้เราอยู่แค่ชั้น 4 หรือ 5 เองนะครับ แต่ความสูงมันไม่ใช่เล่นๆ จุดที่เป็นสระน้ำเล็กๆและมีเจดีย์ตั้งอยู่คือจุดเริ่มต้นที่เราเดินขึ้นมาบนนี้ฮะ
อย่างที่บอกว่าทางเดินกับทางกั้นเป็นไม้เกือบทั้งหมดและบางจุดมันค่อนข้างเก่าแล้วด้วย ใครมีพระก็ขอให้กำไว้แน่นๆ ใครที่กลัวความสูง (เหมือนผม) ก็ขอให้เดินออกห่างจากรั้วไว้ แต่ถ้าเจอเด็กวิ่งเล่นกระโดดไปมา ก็วิ่งสิครับ !! จะรอให้มันพังก่อนหรอไงงง (วันนั้นที่ไปเด็กค่อนข้างเยอะฮะ บางคนก็ซนยิ่งกว่าลิง ถ้าปีนขึ้นเขาได้ทำไปแล้ว)
จุดถ่ายรูปที่นี่เยอะมากๆฮะ หลักๆคือตามหินที่ยื่นออกมาสามารถที่จะไปยืนกระโดดถ่ายภาพสวยๆได้เลย (เด็กทารกและสตรีมีครรภ์ควรได้รับคำแนะนำก่อนกระโดดนะ)
เดินวนกันมาซักพักก็จะเจอกับองค์พระมากมายให้เรากราบไหว้ขอพรก่อนครับ แนะนำว่าขอพรให้เดินขึ้นภูทอกอย่างปลอดภัยฮะ ที่นี่ไม่มีนายหน้าขายประกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์และไสยศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นฮะ
ที่ภูทอกเราสามารถเดินขึ้นได้ทั้งหมด 7 ชั้นครับ โดยตั้งแต่ชั้นที่ 6 เป็นต้นไปจะไม่มีทางเดินคอนกรีตแล้ว เราจะต้องปีนป่ายเข้าดงหญ้ากันเองซึ่งใครที่ไม่คล่องตัวหรือรองเท้าไม่ค่อยดีแนะนำว่าอย่าเสี่ยงครับเพราะไม่มีรั้วกั้นและทางค่อนข้างชันและบางจุดลื่นมาก แต่วิวที่แลกมามันคุ้มมมมสุดๆไปเลยฮะ
ที่เห็นสีแดงเต็มป่าไปไกลสุดลูกหูลูกตาแบบนั้นไม่ใช่ดอกกุหลาบนะ นั่นคือต้นยางทั้งหมดเลยยยย
เดินกันยันเที่ยงฮะ แค่ที่แรกก็ทำขาเกือบพังแล้ว เราเลยตัดสินใจเตรียมออกเดินทางสู่ประเทศลาวกัน ก่อนจะลาจากภูทอกก็เลยขอเก็บภาพเท่ๆจารึกไว้ในภูทอกแห่งนี้ฮะ
บึงกาฬเป็นจังหวัดน้องใหม่ที่สุดในไทยซึ่งมีที่เที่ยวที่น่าสนใจเยอะมากครับ น่าจะสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาลเลย นี่แค่ที่เดียวเท่านั้นแต่ประทับใจมากๆ ไว้จะมาเยี่ยมเยือนใหม่เอาแบบเต็มสตรีมเลยละกันเนอะ
เราเหมารถมาถึงด่าน ตม. ที่หนองคายประมาณ 4 โมงเย็น ยื่นเรื่องเอกสารนิดหน่อย จ่ายตังค่าบัตรผ่านแดนแล้วขึ้นรถโดยสารฟรีข้ามไปฝั่งลาวได้เลยครับ
ช่วงมาถึงพระอาทิตย์ก็ใกล้ตกพอดีฮะ เราเหมารถให้พามาส่งที่โรงแรมในตัวเมืองเวียงจันทน์เลย จริงๆสามารถนั่งรถประจำทางได้แต่ค่อนข้างหายากฮะ และคนที่นี่ขับรถกันสุภาพมากกกก ขับช้าสุดๆ ถ้ามีอุบัติเหตุบนท้องถนนขั้นร้ายแรงสุดคงเป็นรถเฉี่ยวกันเท่านั้น ถ้านั่งรถประจำทางอีกพรุ่งนี้เช้าคงจะถึงโรงแรม พวกเราเลยยอมจ่ายหนักหน่อยเพื่อแลกกะเวลาฮะ (จริงๆเป็นข้ออ้างเพราะขี้เกียจหา 555)
เรามาถึงโรงแรมตอนทุ่มกว่าๆก็เช็คอินเก็บของและออกหากินยามค่ำคืนทันที จุดที่เราพักอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆเยอะเลย ซึ่งในภาพคือประตูชัย Landmark ของเมืองนี้ฮะ เราจะมาลุยกันวันสุดท้ายในลาว
เขาว่ากันว่า เบยลาวถูกกว่าน้ำเปล่า (เบียร์ที่นี่เรียก เบย ครับ) ซึ่งมันถูกกว่าจริงๆฮะ เดินร้านอาหารไหนก็เจอ ร้านตัดผมก็เจอ ร้านกิ๊ฟช๊อปก็ยังเจอ ห้องน้ำก็ยังจะเจอ บนพื้นก็ยังจะเจอ !!! (นั่นเค้าทิ้งว้อยยยย)
หลังจากเติมพลังด้วยอาหารลาวกันเรียบร้อย เราก็เดินย่อยระหว่างทางกลับที่พักซักหน่อยซึ่งมีพนักงานที่ร้านอาหารบอกให้เรามาที่ตึกหลังนี้เพราะเค้ามีงานเตรียมเค้าดาวน์ปีใหม่กัน วัยรุ่นทั่วเมืองจะมารวมกันที่นี่เลย ! โอ้โหวววววววว อยากจะไปสบสายตากับสาววัยสะรุ่นลาวใจจะขาดดด แต่ขอเก็บไว้ให้สาวๆที่นู้นครั่นเนื้อครั่นตัวรอไปละกัน คืนนี้พี่ๆขอไปพักผ่อนก่อนนะจ๊ะ เจอกันทีเดียวในคืนเค้าดาวน์เนอะ คริ
สำหรับภาค 1 พวกผมก็ขอจบลงเท่านี้ก่อนนะฮะ แล้วมาต่อกันใน ภาค 2 กับการตะลอนเที่ยวในดินแดนลาว พวกเราจะไปลุยที่ไหนกัน จะมีเรื่องอะไรสนุกๆไม๊ จะมีใครที่ต้องกลับบ้านไปก่อน รีบโหวตเข้าม...ผิดรายการว้อยยย! รอติดตามชมกันนะคร๊าบบบบ
ช่วงโฆษณาหน้าด้านๆ
ทริปล่าภูเขาไฟในดินแดน Java: http://pantip.com/topic/33628408
ติดตามเรื่องราวฉบับเต็มและร่วมเดินทางแบบไม่ลืมหูลืมตากับผมได้ที่ magodtravel.blogspot.com
หรือถ้าอยากจีบผมเป็นการส่วนตัวก็ติดตามได้ที่ www.facebook.com/magodtravel
หรือส่ง sms เข้ามาทักทายได้ที่ 48257xx พิมพ์ “ดีด” เว้นวรรค แล้วตามด้วยข้อความ
ชื่อสินค้า: บึงกาฬ
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น