http://pantip.com/topic/33553831วันที่ 1-4 กรุงเทพสู่เกียวโต
http://pantip.com/topic/33581894วันที่ 6 สู่นารา
หลังจากเที่ยวในเกียวโตกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ถึงเวลา ซาโยนาระ กับที่พักอันแสนอบอุ่นและเมืองเกียวโตกันแล้ว(แอบกระซิบให้ว่าตอนเรากำลังจะออกมาคนไทยมาพักหลายครอบครัวเชียวล่ะ) โดยวันนี้เรามีแผนที่จะไปชมปราสาทฮิเมจิและเที่ยวเมืองโกเบนั่นเอง และถึงแม้จะต้องเปลี่ยนเมืองย้ายที่พักเราก็ยังคงความชิวไว้ได้อย่างไม่มีเสื่อมคลายเพราะกว่าจะออกจากที่พักก็ปาเข้าไป 9 โมงกว่าๆ แล้ว ก่อนจะนั่งรถเมล์ไปลงที่สถานีเกียวโตเพื่อต่อรถไฟไปลงสถานีโอซาก้าค่ะ ซึ่งครั้งนี้ใช้วิธีเทเหรียญเอาค่ะ!!(เทจริงๆ นะเออ เพราะของญี่ปุ่นเขาสามารถนับได้ค่ะแม้เราจะใส่ลงไปทั้งกำ แต่ถ้านับไม่ทันเขาก็ทิ้งนะ 555 เจอมาตอนซื้อตั๋วรถไฟ ส่วนรถเมล์เราต้องหยอดเงินให้ตรงตามจำนวนนะคะถ้าเราต้องแตกเหรียญหรือแบงค์เขาจะมีที่ให้แต่ก่อนตามรูปจะเห็นว่าเป็นตรงที่มีรู้เหรียญหลายๆ เหรียญ พอหยอดไปแตกเสร็จแล้วก็ค่อยหยอดให้ครบตามจำนวน)
เสร็จแล้วก็ได้เวลาใช้บัตรเบ่งกันแล้วค่ะ วิธีใช้ก็แค่โชว์บัตรให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วก็เดินสวยๆ เข้าสถานีไปเลยค่ะ 555 ซึ่งการใช้ครั้งแรกเจ้าหน้าที่จะเอาบัตรเราไปปั้มวันที่ โดยจะเห็นได้จากรูปว่าตรงมุมล่างซ้ายถูกปั้มวันที่แล้ว(เดือน 4 วันที่ 15)
ทีนี้ก็นั่งยาวๆ ไปถึงสถานีโอซาก้าเพื่อหาที่ฝากกระเป๋ากันก่อน โชคดีที่ตู้ใหญ่เหลืออยู่ 3 ตู้พอดีโดยครอบครัวเราเอาประเป๋าใบ 24 นิ้วมา 2 ใบแลพใบ 20 นิ้วมา 2 ใบ ใบ 20 นิ้วเลยเอามาใส่ตู้เดียวกันค่ะ (แอบกระซิบอีกว่าตู้ที่สถานีโอซาก้าค่อนข้างแพงทีเดียวราคาตูนี้อยู่ที่ 700 Yen ค่ะ แต่ที่เห็นที่สถานีอื่นราคา 700 yen ได้ตู้ใหญ่กว่านี้มากๆ) พอได้ตู้ที่นี้ก็ยืนจองละจ้า 555 เนื่องจากเหรียญที่จะใช้มีไม่พอพวกเราเลยต้องไปหาที่แลกเหรียญส่วนเราก็ยืนเฝ้าตู้ไม่ให้มีคนมาใช้ อิอิ ระหว่านั้นก็ทำการถ่ายรูปเพื่อช่วยจำไว้ว่าฝากไว้อยู่ตรงบริเวณไหนนั่นเอง พอเสร็จเรียบร้อยเราก็กลับขึ้นไปนั่งรถไฟเพื่อไป ฮิเมจิกันต่อ
ถึงแล้วค่าปราสาทฮิเมจิ เล่นถ่ายกันมาแต่ไกลเลยทีเดียว ระหว่างทางก็แวะหยอดตู้กินไอศกรีมกันไป ทำให้ต้องมารีบกินให้หมดก่อนเข้าข้างในปราสาท 555 ซึ่งค่าเข้าปราสาทขาวอยู่ที่ 1000 yen/คน ค่ะ เล่นเอาอึ้งกันไปเล็กน้อยเนื่องจากตอนที่หาข้อมูลมาราคาอยู่ที่ 600 yen/คน แต่พอมาถึงเพิ่มขึ้นตั้ง 400 yen ช็อคแปบค่ะๆ คงคาดว่าราคาเปลี่ยนแปลงหลังจากการปรับปรุงเสร็จแต่มาถึงแล้วยังไงก็ต้องเข้าแหละค่ะ!! อ๊ะ!! เกือบลืมๆ การที่เราจะสามารถเข้าไปในตัวปราสาทได้ต้องมีตั๋วโชว์แยกต่างหากด้วยนะเออ ซึ่งเขาจะแจกก่อนเราจะเข้ามาค่ะ เป็นตั๋วที่เอาไว้จำกัดจำนวนคนที่จะสามารถเข้าไปยังตัวปราสาทได้!!
อันนี้เป็นบันไดภายในตัวปราสาทค่ะ โดยปราสาทมีทั้งหมด 6 ชั้น ตามรูปเลยค่ะ
อันนี้เป็นวิวจากชั้นบนสุดของปราสาท โดยด้านบนจะมีศาลเล็กๆ ให้เราขอพรค่ะ
อันนี้เป็นมุมจากบ้านเก่าๆ อีกหลังค่ะ ไม่แน่ใจเรียกว่าอะไรเหมือนกันแต่ภายในจะมีจัดแสดงโครงสร้างต่างๆ และมีหุ้นจำลองด้วยค่ะ
พอเดินออกมาก็เจอกับเจ้าตัวมาสคอสตัวนี้ค่ะ เลยขอเข้าไปถ่ายรูป แชะๆ ด้วยสักหน่อย
เสร็จแล้วก็เดินทางเพื่อจะนั่งรถไฟไปโกเบต่อค่ะ แต่พอดีไปเจอเจ้าตัวนี้เข้า คนยืนมุมดูกันเต็มเลยค่ะ
พี่ชายข้าพเจ้าก็เกิดอาการคึกจะรอจนกว่ามันจะขยับ เลยเลยตัดสินใจหาข้าวเที่ยงทานกัน
และแล้วจนแล้วจนรอดมันก็ทำแค่นี้!!
แค่ยืนเจ้าค่ะ 555 แต่ก็ตื่นเต้นดีค่ะ พอบรรลุเป้าหมายเราก็เดินทางกลับไปขึ้นรถไฟเพื่อไปเมืองโกเบกัน พอลงจากสถานีก็งงกันอีกตามเคยเลยต้องเปิด GPS กันไป(ทริปนี้สรุปได้เลยว่าถ้าไม่มี GPS คงจะแย่กว่านี้แม้ GPS ที่เราใช้หัวมันจะหมุนไม่ถูกฝั่งก็เถอะ!! 555)
และแล้วเราก็มาถึงอ่าวโกเบจนได้ ทริปนี้เราก็มาตามซื้อชีสเค้กเจ้าดังด้วย แต่พอดีกว่าขอแบบห่อกลับเขาเลยไม่ได้อุ่นให้ คุณแม่ของข้าพเจ้าก็บอกชิมเลยถ้าอร่อยอยากซื้อค่อยซื้อเพิ่ม ปรากฎว่าก็กินไม่ได้สิครับ ทำเรานอยเลยทีเดียว(แต่หลังจากที่เอามาอุ่นแล้วอร่อยดีค่ะ! 555) แล้วเราก็กลับขึ้นรถไฟอีกครั้งเพื่อนั่งไปอีกสถานีหนึ่งไปลงที่ sannomiya เที่ยวชมวัด Ikuta Shrine ซึ่งก็เดินวนอีกแล้วเจ้าค่ะ 555 ต้องอาศัย GPS อีกครั้งซึ่งก็พาลอดไปมุดมากว่าจะมาถึงวัดได้
ซึ่งภายในตัววัดก็ไม่ได้มีอะไรมากเป็นวัดเล็กๆ สงบดีค่ะ เราก็เข้าไปขอพรก่อนจะเดินกลับสถานี แวะไปเอากระเป๋าที่สถานีโอซาก้าและเปลี่ยนสถานีไป umeda ใช้ Icoca เพื่อนั่งรถไฟไปลง namba (ซึ่งความงงก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ subway มันไม่เหมือนที่เกียวโตเพราะวกวนหลายสถานีกว่ามาก และด้วยความที่ดึกแล้วคนจึงเยอะมาก สุดท้ายเราก็เข้าสถานีผิดค่ะ 555 ไปถามพนักงานเค้าบอกขึ้นขบวนนี้ ชี้ๆ ไปเราบอกไม่น่าใช่นะ เลยถามพนักงานขบวนนั้นเขาบอกไม่ใช่ ต้องไปเข้าอีกสถานี!! เลยเอาบัตรเดิมแตะเพื่อจะออกปรากฎว่าประตูไม่ให้ออกจ้า 555 ต้องติดต่อพนักงานห้องข้างๆ ให้เขายกเลิกให้แล้วเดินออกมาอีกประตูหนึ่งแทน ทีนี้เลยยืนดูแบบจริงๆ จังๆ มากว่าต้องเข้าอันไหน อิอิ แต่หลังๆ ก็เริ่มชินมากขึ้นค่ะ) พอมาถึงก็ถ่ายรูปกับท่อน้ำเขาสักหน่อย 555
หลังจาก Check in เรียบร้อยก็ไปเดินย่าย Dotonbori ต่อเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสลบไสลด้วยความเหนื่อยอ่อน
ชื่อสินค้า: เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น