เรื่องราวก่อนหน้า http://pantip.com/topic/33261698
วันนี้เป็นวันChristmas ฉันกับหมอ วันนี้เราตัดสินใจย้ายเกาะเร็วขึ้น 1 วัน เราย้ายเกาะจาก Santa Cruz มาที่ Isabela เราตื่นมาก็ลงมือเก็บของกันให้วุ่นวาย ก็มันรกมาก กว่าจะเก็บของเสร็จก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดก็สำเร็จ เราแอบทิ้งเสบียงไปบางส่วนเพราะว่าขนไม่ไหวมันหนัก จะทิ้งหมดก็กลัวอดตาย เราไม่รู้สภาพความเป็นอยู่ข้างหน้าเลย และเราก็คิดถูกที่ยังแบก ลาก คาบ มันไปกับเรา
เสร็จจากการเก็บของเราก็ออกเดินทางมายังท่าเรือ เอาจักรยานไปคืนและซื้อตั๋วเรือสำหรับไปเกาะ Isabela รวมทั้งซื้อตั๋วขากลับด้วย เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ได้เวลาหาข้าวกิน เรายังเลือกที่จะกินแพนเค็กแสนอร่อยกับสลัดผัก (ที่นี่หาผักกินยากมาก) แต่น้ำปั่น เราไม่สั่งแล้ว เข็ด หมอเอาชานมซองออกมาชงกินเอง มันอร่อยมาก ถ้าอยู่เมืองไทยคงบอกว่าก็อร่อยดี
พอใกล้เวลาขึ้นเรือเราเดินผ่านธนาคารเราเห็น รปภ เฝ้าหน้าธนาคาร มันคือ แมวน้ำ มันทำหน้าที่เหมือนหมาแถวบ้านเราเลย ดีนะอยู่คนละประเทศไม่งั้นแย่งงาน กันทำไปแล้ว
13.15 น ถึงท่าเรือตามเวลานัดหมาย เราทั้งลาก ทั้งแบกกระเป๋าไปยังท่าเรือ รอจนเกือบบ่ายสองเรือก็มา เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง อันแสนทรมานอยู่บนเรือ จะไม่ทรมานได้ไง พี่แกขับเรือซิ่งมาก ขนาดพวกฝรั่งใจกล้าทั้งหลาย ตอนแรกๆเมินชูชีพ เรือออกจากฝั่งไม่ถึง 5 นาที ใส่ชูชีพกันเป็นแถว แต่มันก็ไม่เลวร้ายจนเกินไปเพราะบนเรือมีเรื่องสนุกให้ดู หมอกับฉันนั่งตรงข้ามฝรั่งคู่หนึ่ง ผู้หญิงฝรั่ง นางเล่นบทสาวน้อยผู้อ่อนแอ พอเรือกระแทกทีก็ประชิดตัวเกาะแขนผู้ชายไว้ แล้วทำท่ากลัว พร้อมบอกว่า "โอ้ มันน่ากลัวจังเลย" คิดถึงคนกระแดะแล้วพูดประโยคนี้ด้วยเสียงสูงๆไว้นะ จากการสอดรู้สอดเห็นของหมอ เนื่องจากไม่มีwifiเล่นจึงดึงความสนใจของเรามายังคนคู่นี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเรา ทำให้เรารู้ว่าฝรั่งคู่นี้เพิ่งรู้จักกัน ผู้ชายมาเที่ยวคนเดียว ส่วนผู้หญิงมากับเพื่อนอีกคน เรานั่งฟังพี่แกคุยกันหัวเราะต่อกระซิกกันแบบคนพยายามจีบกันอย่างเห็นได้ชัดเจน มีเซลฟี้ถ่ายรูปด้วยนะ คุณเธอรีบปล่อบผมให้สยายทันที จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่มันเห็นอยู่ตรงหน้า คุณผู้หญิงแกฉอเลาะได้สุดยอด ซึ่งมันก็เป็นข้อดีเพราะทำให้การนั่งเรือไม่เบื่อเกินไปนัก
พอถึงท่าเรือเราก็จ่ายค่าเข้าเกาะ แล้วตามหาแท๊กซี่. ชิหายแล้ว ไม่มีแท๊กซี่ ถามคนแถวนั้นได้ความว่าต้องเดินเข้า เมืองเองประมาณ 5 นาที พอเดินเข้าจริงๆ ก็คิดว่ามันตกเลขป่าวเนี่ย 5 นาทียังเดินไม่พ้นโค้งถนนเลย สัมภาระพวกเราหนักมาก ตอนนี้มันคือภาระอันยิ่งใหญ่ไปซะแล้ว ฉันกับหมอ มีเป้ใส่เสื้อผ้าขนาด 60 ลิตรอยู่บนหลัง เป้ใส่เอกสาร กล้องและเงินห้อยอยู่ข้างหน้า มือขวาลากกระเป๋าอันแสนหนัก มือซ้ายถือชูชีพ ส่วนถนนที่นี่อุบาทว์มาก มันเหมือนเกือบจะดี คล้ายจะได้ลาดยางในอนาคตแต่มันไม่ใช่ตอนนี้หนิ โคตรขรุขระเลย กระเป๋าลากคงเจ๊งในเร็ววัน เจ้าของกระเป๋าที่ฉันยืมมาคงจะได้แต่ซากกลับไปถ้าล้อมันยังไม่หลุดนะ ถ้าหลุดเจ้าของกระเป๋าคงได้แค่ระลึกถึงมัน
เราเดินไปสักพักไม่ไหวแล้ว เราก็โบกรถมั่ว แต่ไม่มีคันไหนจอดเลย ทั้งๆที่รถว่างอยู่ จนในที่สุดมีคันหนึ่งจอด เราขอให้เค้ามาส่ง เค้าฟังแล้วนิ่ง ฉันเห็นท่าไม่ดีจึงพูดออกไปทันที I will pay you ตอนนั้นเหนื่อยมากประมาณว่าฟันหัวกรูมาเถอะ กรูยอม พากรูไปจากที่นี่ที จบข่าวพี่แกส่งภาษามาประมาณว่า ขึ้นมาเลยน้อง เราไม่รอช้ากลัวพี่แกเปลี่ยนใจ รีบโยนกระเป๋าใส่ท้ายกะบะ แล้วรีบไปนั่งกับพี่แกทันที แกขับรถไปส่งเราที่โรงแรมห่างจากจุดที่ รับเราไม่ไกลนัก ขับรถประมาณ 1 นาที ถ้าเดินตัวเปล่านะเดินได้สบายมาก แต่วินาทีนั้นมันไกลมาก
พอถึงโรงแรมก็จ่ายพี่แกไป 3 เหรียญ แล้วเราก็เช็คอิน เรามาเร็วหนึ่งวันออกเร็ว 2 วัน สรุปเราจะพักทั้งหมด 6 คืน แทนที่จะเป็น 7 คืน แต่เจ้าของโรงแรมทำเป็นไม่เข้าใจจะคิดเรา 7 คืน แล้วเราควรจะมา 3 คน แต่มาจริงแค่ 2 คนเพราะนัทมีธุระต้องกลับเมืองไทยก่อน เราเลยยอมจ่าย 7 คืนที่ 2 คน ออกแนวคนละครึ่งทาง แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้ มันคิดเงินเราเกินไป ร้อยกว่าเหรียญ ตอนหมอจ่ายเงิน ฉันก็กดเครื่องคิดเลขคิดเงินไทย รู้สึกแพงผิดปกติเลยทักหมอ หมอเช็คเมลดูราคาทันที จึงพบว่ามันโกงเรา เราเลยเรียกเงินคืนมันทำถ้าจะไม่คืน ดีที่เจ้าของอีกคนมาแล้วยอมจำนนด้วยหลักฐาน เลยได้เงินคืน จากนั้นเค้าพาเราเข้ามาพักในโรงแรม เป็นห้องที่ไม่สมราคาเอาซะเลย คืนพันกว่าบาท แย่กว่าโรงแรมเซลพักอีก มันให้ความรู้สึกประมาณอพาร์ทเม้นท์เช่ารายวันเลย พอเก็บของเสร็จก็ออกไปสำรวจเมือง ตอนพ้นประตูโรงแรมเราพบว่ามันเอาเรามานอนโรงแรมข้างๆซึ่งเกรดต่ำกว่า นั่นไงกรูโดนแล้ว แต่เราคนต่างถิ่นมาอยู่ในเมืองที่มีกฎหมายอันน้อยนิด ก็ได้แต่จำทน ถ้าอยู่บ้านกรูหรือประเทศที่กฎหมายเป็นใหญ่ ไม่ใช่ลูกปืนเป็นใหญ่ เป็นมีเรื่องกันแน่ ตอนนี้เงียบๆไปก่อน เรายังอยากกลับบ้านนะ หลังจากรู้ความจริง ก็รู้ความจริงไง เดินต่อไป
บรรยากาศที่เกาะนี้มันเหมือนชานเมืองพนมเปนที่เขมรเลย มีแต่ถนนขรุขระ ไม่มีตรงไหนเรียบเลย พอเดินไปถึงชายหาด มันให้ความรู้สึกเหมือนชายหาดบ้านเราเมื่อหลายสิบปีก่อน มีเพิงขายไก่ย่างส้มตำอย่างไรอย่างนั้นเลย เพียงแต่ที่นี่ไม่ใช่ส้มตำก็เท่านั้นเอง ผลับ บาร์ที่นี่บางร้านเป็นเพิงคล้ายเพิงขายอาหารตามริมถนนสายเอเซียบ้านเรา บางร้านเหมือนร้านคาราโอเกะ ที่มีไฟหลายๆสีแต่มืดๆ คือเอาตรงๆกันเลย คาราโอเกะเกรดต่ำสุดของบ้านเรานั่นแหละ เดินกันไปอีกสักพักก็เจอตลาดสด แต่วันนี้มันปิดพรุ่งนี้ว่าจะไปอีกรอบ เดินต่อไปอีกนิดก็เจอร้านขายไก่ย่าง โคตรเหมือนร้านส้มตำแถวต่างจังหวัด ในอำเภอเล็กๆของบ้านเราเลย แต่ราคาไก่ยางหนึ่งไม้ 2 เหรียญ 66 บาททททท !!!!! บ้าแล้ว มีเนื้อ ติดกระดูกอยู่ 2 ชื้นเล็กๆเองนะ เราอยากกิน เลยลงทุนซื้อหนึ่งไม้แบ่งกันสองคน โอ้ย!!! มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ที่ Santa Cruz แล้วอยู่ดีๆก็โดนถีบร่วงลงนรกเลย คนที่นี่แล้งน้ำใจ บ้านเรือนโบราณ ถนนหนทางนรกมาก ของราคาแพง คนพร้อมจะโกง มันปล้นเราทางอ้อมอาศัยกิจการบังหน้า บริการด้านคมนาคมต่ำต้อย แต่เราหวังว่าความไม่เจริญของที่นี่จะยังคงทำให้ธรรมชาติยังคงสวยสดงดงามอยู่ พรุ่งนี้และอีกหลายวันข้างหน้าคือคำตอบของเรา
วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น