วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558



ขอออกตัวก่อนเลยนะคะ ว่านี่ไม่เพียงแต่จะเป็นกระทู้แรกในพันทิพ ยังเป็นครั้งแรกที่มานั่งเขียนแชร์เรื่องราวอะไรอย่างนี้ โดยส่วนตัวเป็นคนเขียนไม่เก่ง ภาษาไม่ได้เรื่อง ถ้าผิดพลาดประการใดน้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 555  พูดถึงญี่ปุ่นช่วงนี้กระแสท่องเที่ยวญี่ปุ่นในพันทิพนี่เยอะแยะไปหมด โดยส่วนตัวชอบอ่านค่ะอ่านแล้วสนุกเหมือนได้ไปเอง แต่ละกระทู้นี่แบบเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวไปนั่นไปโน่นมา ดูน่าสนุกมากกก บางกระทู้นี่พูดถึงงบค่ะไปญี่ปุ่นหนึ่งอาทิต ด้วยงบอันน้อยนิด จขกท ดูแล้วมันน่าสนเนอะ ดูhappyมากกก ดู easy มากๆ แต่ก็ยังไม่มีบุญวาสนาที่จะได้ไป จนเมื่ออาทิตที่แล้วเผอิญว่ามีเหตุ (ใช้คำว่ามีเหตุน่าจะเหมาะกับกระทู้นี้) ให้จะต้องไป
ปัญหาของน้องนี่มาตั้งแต่จองตั๋วไปและคร่าาา ช่วงนั้นมีโปรการบินไทยพอดี แต่ต้องไปเป็นคู่ เพื่อนๆพี่ๆที่ต้องไปเขาครบคู่กันหมดและ ยกเว้นฉัน พูดแล้วก็เศร้าใจเลยต้องขึ้นสายการบิน low cost อย่าง jetstar ไปคนเดียว น้องขอบอกเลยว่าสายการบินนี้ไม่ใช่ไม่ดีนะคะ ถือว่า ok เลยค่ะ
ตอนบินขึ้นนะคะ ยังกะเล่นเครื่องเล่น พระเจ้าเถอะ !!! หัวเราะ หัวใจนี่ตกลงไปถึงตาตุ่มและ เสียวสุด แต่ชอบตอนลง ลงทีกัปตันเบรกเอี๊ยะๆๆๆๆๆๆ  หน้าทิ่มที่เดียวอยุ่ค่ะ บินตอนตี 2.15 ถึงโน่น 10 โมงเช้า ลืมบอกค่ะไปลงเครื่องที่ฟุกุโอกะค่ะ เผื่อที่จะนั่งรถไปที่คุมาโมโตะค่ะ ก่อนจะไปคุมาโมโตะได้ต้องนั่งรถจากสนามบินไปที่ฮากาตะก่อน  ไปที่ฮากาตะต้องเอาบัตร kyushu JR pass ไปแลกที่สถานีนี้ค่ะ
ไปถึงก็งงเลยค่ะหาที่แลกไม่เจอคิดสภาพนะคะ ผญ ตัวเล็กๆคนนึงเดินลากกระเป๋าเดินทางหนัก 15 โล บนตัวมีกระเป๋าอีก 3 ใบ กระเป๋ากล้อง 1 เป้ 1 กระเป๋าใบเล็กใส่กระเป๋าตังโทรศัพท์ วีซ่าอีก 1 โดยรวมๆวันนั้นที่ลากไปลากมานี่น่าจะประมาน 20  โล เหนื่อยมากแต่ใจสู้ค่ะ ฝน คิดถึงกระทู้ในพันทิพเข้าไว้ๆๆๆๆ ที่พี่ๆเขาไปแล้วได้รูปสวยๆมา ย้ำกับตัวเองว่า สบ๊ายยยยย
พอจัดการทุกอย่างที่นี่เสร็จก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ที่ฮากาตะ แล้วก็นั่งรถเล่นไปเรื่อยๆ อยากไป Mt.ASO ค่ะ อยากได้รูปสวยๆจากปล่องภูเขาไฟ ก็ดูทางไปจาก Hyperdria เป็นอย่างดี สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คิดค่ะ นั่งรถไป หลงค่ะ ไปไหนก็ไม่รุ คุยกับคนที่นั่นก็ไม่รุเรื่อง กว่าจะหาทางไปถึงสถานี ASO ได้นี่ 4 โมงเย็นแล้วค่ะ ก็เลยไม่มีรถพาขึ้นไปบน Mt. ASO เลยเดินได้แต่ข้างล่างสถานี บอกเลยว่าตั้งแต่ขึ้นเครื่องตอนตี 2 จนมาถึงสถานี ASO ยังไม่มีข้าวตกถึงท้อง ตอนนั้นคิดว่าแกคิดถูกแล้วใช่ไหมที่อยากมาเนี่ย แต่อย่างน้อยบรรยากาศตอนนั่งรถไฟมานี่ก็ถือว่าคุ้มนะ


วันนี้ได้ใช้ Kyushu JR pass คุ้มมากก เพราะอะไร ด้วยความเอ๋อปนเบลอของน้อง พักที่คุมาโมโตะแทนที่จะฝากกระเป๋าไว้ที่คุมาโมโตะสเตชั่น ดันไปฝากไว้ที่ฮากาตะ เลยต้องนั่งจาก ASO มาคุมาโมโตะสเตชั่นแล้วนั่งชิงคันเซนต่อไปฮากาตะเพื่อเอากระเป๋ากลับมาคุมาโมโตะอีกครั้ง เพื่ออะไร!!!!!!  ด้วยความที่หิวจัดมากตั้งใจว่าจะกินแค่ข้าวใน Famaily ก็พอแต่มันไม่ไหวจริงๆ น้องเลยขอจัดอาหารดีๆลงกระเพาะน้องซักหน่อย


บอกเลยว่ามันฟินมากกกก เนื้อปลาดิบมันนุ่มและหวานมากกกจริงๆ แล้วยิ่งกินตอนหิวด้วยนะ โอ๊ยย!!!! ฟินมากๆ นานาชอบ ได้ข้าวเข้าไปก็ค่อยยังชั่วมีแรงแบกกระเป๋าไปหาที่พักต่อ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปทำภาระกิจของเราต่อประชุมวิชาการกันไป ทางผู้จัดงานก็มีพาเราไปเที่ยวที่แรกคือปราสาทคุมาโมโตะ ไฮไลท์ของที่นี่เลยล่ะค่ะคุณขาาา แต่คืออะไรไปตอนฝนจะตก ปราสาทจะปิดและ วิ่งค่ะวิ่งจากที่ประชุมไปให้ทันก่อนปราสาทปิด


คืนนี้มีงานเลี้ยงที่ร้าน Ginnan ใน Sakura-No-Baba JOSAIEN อยู่ใกล้ปราสาทคุมาโมโตะค่ะ บรรยากาศเป็นแบบบุฟเฟต์ค่ะ ไฮไลท์ของมื้อนี้คือเนื้อม้าค่ะ ขอบอกก่อนว่า จขกท ปกติเป็นคนไม่ทานเนื้อนะคะไม่ได้นับถืออะไรนะคะที่ไม่ทานนี่คือคนในบ้านไม่ทานเราก็เลยไม่ทานด้วยแค่นั้นค่ะ แต่ไหนๆก็มาแล้วเนอะ ก็ต้องลองดู ตอนกินไปเนี่ยขอแนะนำว่าอย่าจินตนาการอย่านึกถึงม้า ok ป่ะคะ ไม่งั้นคุณอาจจะกินไม่ลงได้ 555 เนื้อก็นุ่มๆค่ะไม่ได้หวานเหมือนเนื้อปลา รวมๆก็ ok นะคะทานได้ แต่น้องบอกเลยว่าน้องไม่มักสักเท่าไหร่
ที่ recomment อีกอย่างคือ Umeshu ค่ะ หรือเหล้าบ๊วย อร่อยจริง วันต่อมาก็พาไปล่องเรือค่ะ คล้ายเรือพายบ้านเรานี่แหละค่ะ น้ำนิ่งมากกคุณลุงก็พายไปเรื่อยๆ บรรยากาศน่านอนมากกก อ่อแล้วก็ได้ไปสวนสัตว์ของที่เมืองนี้มาด้วยค่ะ ไม่ห่างจากปราสาทคุมาโมโตะมากนัก ประมาน 10 สถานีค่ะ นั่งแทรมไป 10 นาทีก็ถึง บรรยากาศน่ารักค่ะ เผอิญวันนั้นเข้าฟรีเลยได้ไปกัน


ช่วงที่อยู่ในงานประชุมชีวิตดี๊ดีอ่ะ เจ้าคิกคัก

ความวุ่นวายตามหัวข้อของกระทู้มันอยู่หลังวันที่ไม่มีประชุมแล้วนี่แหละค่ะ เริ่มเที่ยวกันเองแล้ว บอกเลยว่าไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียวไปกัน 4-5 คนความน่าจะเป็นของการหลงเนี่ยมันน่าจะน้อยลงใช่ไหมคะ มันไม่ใช่เลยค่ะ !!!! เราตั้งใจว่าออกจากเมืองคุมาโมโตะเราจะไปเที่ยวนางาซากิกัน แพลนวางไว้แล้วเรียบร้อย พอดีว่าบังเอิญอ่านตามพันทิพเนี่ยแหละว่าใกล้สถานี TOSU ซึ่งเป็นทางผ่านที่เราจะไปนางาซากิ มันมี outlet คือ TOSU premium outlet

ความอยากช๊อปในตัวของ ผญ 5 คนมันมีมากกว่าการไปเที่ยวธรรมชาติในนางาซากิ ไปคร่าาาาาา ลุยย ช๊อปกระจาย  ด้วยความที่เป็นคนขี้ลืมค่ะ  ซื้อของแล้วถือไปถือมาไปทิ่งไว้ไหนไม่รุค่ะ ตามหาซะวุ่นวายเลยดีนะคะที่ได้คืน พนักงานเขาช่วยเราเต็มที่มาก ประทับใจมากกกค่ะ เยี่ยม
ช๊อปลืมเวลาดูเวลาทุกอย่างนะคะไม่ว่าปิดกี่โมง รถเที่ยวสุดท้ายจาก outlet ไปสถานี รถจากสถานี TOSU ไปนางาซากิ หมดกี่โมง ลืมอะไรรุไหมคะ ลืมดูเวลาเช็คอิน hostel ที่จะพักในนางาซากิได้ถึงกี่โมง ผญ 5 กลับจากการช๊อปลากกระเป๋าใบใหญ่มานั่งกันที่สถานี เอ๊ๆๆๆ เราจะเอายังไงดีน้าาา ไปก็ไม่ทัน ที่นอนก็ไม่มี รึว่าเราจะนอนที่สเตชั่นดีน้าาา สุดท้ายเรา walk in คร่าหาที่นอนได้เท่ากับว่าคืนนี้เราเสียค่าที่นอน 2 เท่านะคะทั้งที่นางาซากิและที่ TOSU เม่าตกอับ
มันยังไม่หมดแค่นี้ค่ะ ความวุ่นวายมันกำลังจะเริ่มขึ้นค่ะคืนนั้นบอกเลยว่าไม่ได้นอน แพลนเราเปลี่ยนกะทันหันมากค่ะ จากที่เราแพลนว่าอีก 6 วันเราจะกลับ แต่พี่ๆเขาเปลี่ยนตั๋วจะกลับในอีก 2 วันข้างหน้า ซึ่งค่า hostel เราก็จะต้องเสียไปเลยค่ะ ค่าตั๋ว kyushu JR pass ที่ซื้อเพิ่มไว้อีก ตอนนี้ดิฉันต้องตั้งสติมากกกกค่ะ 555 ว่าเอ๊ะเราจะต้องเสียตังฟรีๆไปเท่าไหร่เนี่ยยย เริ่มจากเปลี่ยนตั๋วเครื่องบิน ซึ่งเสียไปประมาน 6000 กว่าบาท ค่า hostel ประมาน 4000 บาท แพลนที่เราจะไปนางาซากิเราล่ม เลยได้ไปเที่ยวและหาซื้อของฝากภายในวันเดียวที่ ฟุกุโอกะ ก็เลยได้มีโอกาสไปศาลเจ้า Dazaifu ซึ่งเป็นศาสลเจ้าที่สวยมากค่ะ วันที่ไปก็ยังไม่วายที่จะหลงค่ะ เราไปตามกระทู้ในพันทิพที่มีคนแนะนำเอาไว้ เราออกจาก TOSU ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถ้าไม่หลง ไม่งง ไม่เอ๋ออยู่ก็น่าจะถึงประมาน 7 ครึ่งค่ะ แต่กว่าเราจะไปถึงจริงๆก็ 11.30 แล้วค่ะ เราแพลนว่าเราจะไปศาลเจ้าฆ่าเวลานะคะ รอ tenjin เปิดเราจะได้ไปช๊อป 555 ผิดแผนทุกอย่างคร่าาา ไปถึงศาลเจ้าฝนตกปรอยๆค่ะ
เจอทัวร์เกาหลีลงในชุดยูกาตะน่ารักเชียว เข้าไปถึงข้างในศาลเจ้าก็ไปเจอเหล่าเด็กน้อยญี่ปุ่น น่ารักกันจริงๆ นางคงจะเห็นว่าเราแอบถ่ายเก๊กท่าให้เราถ่ายใหญ่เลยอ่ะ 555


เรื่องราวความซวยของฉันยังไม่จบแค่นั้น ไปซื้อเครื่องรางมาค่ะ อันนึงเป็นเครื่องรางสำหรับหน้าที่การงาน อีกอันสำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน มันซวยตรงที่ว่าจัดกระเป๋าที่สถานีรถไฟนางาซากิ ทิ้งขยะหมดเลย แล้วก็เดินช๊อปในซุเปอร์มาร์เก็ต ก่อนจะกลับมา hostel ที่จองไว้ก็มานั่งจัดของอย่างสบายใจนั่งดูว่าวันนี้เราได้ของฝากอะไรมามั่งน้าาาา ดูไปดูมา เครื่องรางฉันหายยยไปไหน นึกขึ้นได้ค่ะว่าทิ้งไปพร้อมกับถุงขนมตอนที่ทิ้งมันไม่เห็นอะไรนะคะ ด้วยความเสียดายของฉัน ทำไงรุไหมคะ นั่งแท็กซีคร่าาาา ไปหาเพราะว่าฝนมันตกหนักมาก นึกถึงตอนนั้นฉันคงบ้ามาก ซื้อเครื่องรางมา 1700 เยน เสียค่าแท็กซี่กลับไปขุยๆถังขยะ อีก 660 เยน บ้ารึป่าว!!!!
ปรากฏว่ามันหายไปแล้วค่ะ พนักงานที่นั่นทำงานเร็วมากกก เก็บขยะทุกๆชั่วโมงรึป่าวเนี่ย ฉันก็พยายามตามหาแม่บ้านค่ะ ถ้าเป็นที่ไทยนี่จะไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่อยู่ในห้องน้ำก็อยู่ตรงไหนสักมุมนึง ฉันก็เลยไปถามแคชเชียร์ค่ะ บอกเลยว่ามาประเทศนี้ภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องแข็งแรงค่ะ เพราะไม่ได้ใช้เลยยย แต่ภาษากายนี่มาเต็มมากกก เหมือนเล่นใบ้ท่ากับพนักงานเลยค่ะฉันก็ทำท่าถูพื้น แคชเชียร์บอกให้เราเดินตามไป เราก็นึกว่าเขาเข้าใจเราแล้ว ปรากฎว่าเขาเดินไปเอาไม้ถูพื้นให้เราค่ะ OMG!!! ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่อย่างนี้ Facepalm ฉันไม่รุจะทำยังไงเลยยืนเฝ้าถังขยะอ่ะ คิดว่ายังไงก็ต้องมาเก็บขยะอีก สักพักก็เจอค่ะเป็นคุณลุงแก่ๆคนนึงกำลังถูพื้นอยู่เราก็เข้าไปเลยค่ะ เหมือนเดิมจร้านู๋พูดกะลุงไม่รุเรื่อง เลยกวักมือเรียกลุงให้ตามนู๋มา แล้วก็มาทำท่าทิ้งขยะให้ลุงดู คือนึกถึงแล้วเหมือนคนบ้าเลยค่ะ แต่โชคยังดีค่ะ มีพี่ผู้หญิงเดินมาพอดีและก็พูดภาษาอังกฤษได้บ้างแกเลยช่วยคุยกะลุงให้ คุณลุงเต็มที่กับการช่วยฉันมากค่ะ พาไปที่แยกขยะของซุเปอร์มาร์เก็ต พอเข้าไปแกก็บอกให้เรายืนรอตรงนี้แปปนึง อันนี้เดาเองทั้งนั้นค่ะ เพราะฟังไม่รุเรื่อง ภาษากายล้วนๆๆๆ สุดท้ายแกเดินออกมาบอกว่า ซึมิมาเซน คำนี้เรารุเรื่องค่ะ เราก็พอรุแล้วว่ามันคงไปกับรถที่ขนขยะแล้วเข้าโรงงานไปแล้ว คงไม่ได้คืน แต่เหตุการขี้หลงขี้ลืมของเราก็ทำให้เราเห็นความมีน้ำใจ ความเต็มใจที่จะช่วยเหลือเราทั้งๆที่เขาพูดอังกฤษไม่ได้เลย แต่มันก็แอบเซงนิดนึง พุ่งนี้จะต้องขึ้นเครื่องกลับไทย แล้วเครื่องรางที่ตั้งใจจะซื้อมา Good luck for travel หายย คืออัลไล!!!!! ทำใจแป้วไปเหมือนกัน 555
นับรวมๆค่าเสียหายครั้งนี้เยอะเลยค่ะ แต่เราถือว่าเรามาซื้อประสบการณ์และกันนะ มันสอนอะไรหลายๆอย่าง เป็นผญคิดบวกกกกก   5555 อมยิ้ม07 แก้ไขข้อความเมื่อ

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย ประโยคนี้ไม่มีใครไม่เคยได้ยินแน่นอน
วันนี้จะพาไปเที่ยวเกาะเสม็ด หาดสีขาว น้ำใส ฟ้าสวย มีหลายอ่าวด้วย

ขอไม่เล่ารายละเอียดเดินทางนะคะ เอาเป็นว่าเดินทางง่ายๆ
แค่ไปอนุสาวรีย์ซื้อตั๋วขึ้นรถตู้ บอกคนขายลงท่าเรือบ้านเพ ระยอง
จากนั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจไปเสร็จที่เสม็ดได้เลยยย กิกิ

ไปถึงบ้านเพ ที่นี่มีท่าเรือหลายเจ้า สามารถเลือกขึ้นได้เลย
ราคาเท่ากัน ไปถึงเหมือนกันค่ะ ไป-กลับ 100 บาท
ได้เวลาไปลงเรือแล้ว รอบนี้เราไปของท่าเรือศรีบ้านเพ เรือสีชมพู


นั่งไปประมาน 40 นาที จะเห็นอุโมงค์สีฟ้าไกลๆ แปลว่า
จะถึงแล้ววว ที่นี้เค้าเก็บค่าสะพานที่เราเดินมาถึงเกาะ คนละ 20 บาท

เอาละ เราจะไปเที่ยวรอบเกาะกันด้วย มอเตอร์ไซด์เช่า
ร้านเช่ามอเตอร์ไซด์มีเยอะแยะค่ะ เดินหาเอา ราคาวันเดียวไม่ค้างคืน 350 บาท ถ้วน
ได้เวลาแว้นท์กันละนะคะ ตามแผนที่นี้เลยย

ขออนุญาติยืมรูปแผนที่นะคะ เครดิตบนรูปเลยค่ะ

ที่แรกที่จะไปคือ หาดทรายแก้ว






รูปอาจจะสว่างไปนิดนึงนะคะ ตอนนั้นไม่ได้ปรับแสง แหะๆ
หาดนี้คนเยอะที่สุด หาดสวยทรายนี่ละเอียดขาวมาก ถ้ารักความสงบหาดนี้คงไม่เหมาะ
แต่ถ้ารักสนุก ชอบเล่นกิจกรรมที่ทะเล แนะนำหาดนี้เลยค่ะ

ต่อไปเราจะไป อ่าวไผ่ อยู่ถัดจากหาดทรายแก้ว เรียกได้ว่าอยู่หาดทรายแก้วแล้วเดินมาอ่าวไผ่ได้สบายๆ อ่าวไผ่เป็นอ่าวที่มีหินเยอะมาก มีร้านอาหาร บาร์นั่งเยอะเลย กลางคืนน่าจะคึกคักน่าดู







อ่าวต่อไปที่เราไป ได้แก่ อ่าววงเดือน อ่าวนี้คล้ายๆหาดทรายแก้ว แต่ค่อนข้างสงบกว่า อ่าวนี้สามารถนั่งเรือมาลงนี่ได้เลย ถ้าไม่อยากแว้นท์มาค่ะ 555





เราอยู่ที่อ่าวนี้ไม่นานก็ขับรถไปอ่าวลุงดำ อ่าวนี้เป็นอ่าวที่อยากไปมาก เพราะเห็นรีวิวแล้วชอบ
พอมาถึงก็ไม่เสียใจเลยที่อยากมา อ่าวนี้สงบมาก สวยด้วย ชอบตรงที่มีสีพานยื่นไปตรงกลางทะเล
คือดีงามมมมากกก เว่อไปแต่ชอบจริงๆ
จะรูปอ่าวลุงดำรัวๆ 5555









ต้องมาค้างคืนที่นี่ซักครั้งให้ได้
เรานอนเล่น นั่งเล่น ที่อ่าวลุงดำนานพอสมควร ขี่มอเตอไซด์ไปอ่าวปะการังต่อ
เราข้ามๆ บางอ่าวไป เพราะเวลาไม่พอ เอาที่อยากไปละกันนะ



อ่าวประการังเป็นอ่าวที่ดูโรแมนติก เป็นเพราะมีรีสอร์ทที่ตกแต่งด้วยสีขาว มีม้านั่งทั่วหาด
คนน้อย สงบ น่ามานอนพักผ่อนจริงๆ






สมชื่ออ่าวประการังค่ะ เพราะมีซากประการังเต็มเลยยย
ต่อมาเราจะไปดูวิวที่ท้ายเกาะ  ชมวิวนิดนึง กับแดดจ้าๆเนี่ยแหละ 555
มาถึงแล้ววว










จากนั้นเราว่าจะไปอีกอ่าวแล้วจะกลับ อ่าวที่ไปก็คืออ่าวพร้าว
อ่าวพร้าวเค้าว่ากันว่าเป็นอ่าวที่พระอาทิตย์ตกดินสวยที่สุด
แต่ว่าเราไปยังแดดจ้าอยู่เลย 5555 รูปที่ถ่ายมาก็จ้ามากจ้า



อ่าวนี้จอดรถละเดินลงมาไกลนิดนึงเป็นเนินๆ ตอนเดินลงไม่เท่าไหร่
ตอนเดินขึ้นนี่สิ หอบบ แฮ่กๆๆ แน่ๆ
อยู่อ่าวพร้าวซักพักก็ขี่มอไซด์กลับ

หมดเวลาสนุกละสิ จริงๆถ้ามีเวลามากกว่านี้อยากพาชมทุกอ่าวเลย
ต้องมาเช้าๆ แต่เราดันมาถึงเที่ยงๆบ่ายๆ
มาถึงช้า และต้องรีบกลับ เลยมาได้เท่านี้
อยากเห็นของจริงสวยๆ ลองมาเที่ยวกันนะคะ
วันเดียวก็เที่ยวได้ค่ะ เลือกซักอ่าวมานั่งใช้ชีวิตช้าๆ
ที่เสม็ดซักวันแล้วคุณจะติดใจจนอยากเปลี่ยนเป็นหลายๆวัน (:







จบการรีวิวของเราแล้วน้า พบกันใหม่กับรีวิวหน้า
รีวิวเล็กๆที่ไม่ได้ต้องการอะไรมาก
แค่อยากให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนกัน ชื่อสินค้า:   เกาะเสม็ด อ่าวไผ่ อ่าวลุงดำ อ่าวประการัง อ่าวพร้าว ท่าเรือบ้านเพ ระยอง คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

ประกาศนียบัตรชนะเลิศ การบริการยอดเยี่ยม Tripadvisor.com

Sample Text

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

VartikaAdventure Kuiburi

VartikaAdventure Kuiburi

VartKa Kuiburi

VartKa Kuiburi

Facebook Vartika Adventure Retreatic Resort

Facebook Vartika Resovilla Kuiburi

Popular Posts