ยอดเขาสูงสุดของเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรีนี้ อยู่ทางทิศเหนือของเกาะสีชัง มีความสูง ๑๙๒ เมตร จากระดับน้ำทะเล
การเดินทาง
จากกรุงเทพ นั่งรถตู้จากหมอชิต , อนุสาวรีย์ชัย หรือรถทัวร์ ป.๑ จากเอกมัย ,หมอชิด ,สายใต้ ไปลงหน้าโรบินสันศรีราชา หรือรถตู้บางคิวบางคันอาจไปส่งให้ถึงเกาะลอยเลยก็ได้ ลงเรือที่เกาะลอย เรือออกทุกต้นชั่วโมง เรือวิ่ง๔๕นาทีก็ถึงเกาะ ค่าเรือ ๕๐บาท/เที่ยว
ขึ้นจากเรือที่เกาะสีชัง หากจะขึ้นยอดเขาเลย แนะนำให้เรียก มอฯรับจ้าง ค่ารถเที่ยวละประมาณ ๖๐บาท หรือรถสกายแลปนั่งได้ ๕คน ค่ารถประมาณ ๑๐๐บาท ให้ไปส่งที่พระพุทธบาท ซึ่งอยู่ประมาณกลางๆภูเขาเส้นทางที่จะขึ้นยอดเขา
หรือจะขึ้นไปยังพระพุทธบาทด้วยการเดินขึ้นบันไดจากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็ได้ แต่บันไดทางนี้ค่อนข้างชัน เลียบภูเขา ไม่มีราวบันได ขาสั่น(เสียว)ได้
จากพระพุทธบาท ตรงนี้แวะไหว้พระ,ชมวิวก่อนได้ มองเห็นวิวทะเลสวย
ไหว้พระที่พระพุทธบาทเอาฤกษ์เอาชัยก่อน แล้วก็เดินขึ้นยอดเขา ทางเดินอยู่ข้างๆมณฑปพระพุทธบาทนั่นเอง ระยะทางประมาณ ๓๐๐ม.กับบันไดประมาณเกือบ ๔๐๐ขั้น ทางดีแบบเก่าๆไร้การดูแลรักษา บางช่วงเป็นทางเดินซุ้มไม้ให้เดินลอดสวยงาม
พอขึ้นไปถึงสุดบันได ก็จะเป็นทางเดินรกๆ ดีที่มีการขึงเชือกฟางเป็นแนวทางไว้ไม่ให้หลง เดินตามทางไปนิดเดียว ทางขวาจะเป็นกองหินธรรมชาติ มีการจารึกพระนาม จปร. ไว้ แต่เราขึ้นไปไม่ถึงจุดที่จะถ่ายรูปให้เห็นเต็มๆได้ เกรงใจที่ขาที่สั่นเพราะเมื่อย+เหนื่อย และขึ้นไปคนเดียว มีปัญหาอะไรขึ้นมาคงยุ่งแน่ จึงได้แต่ถ่ายรูปไกลๆมาฝาก
ทางเดินนี้ หากเดินตามแนวเชือกฟางไปทางซ้าย จะเป็นจุดสูงสุดที่ร.๕ท่านทรงให้ทำแท่นคอนกรีตด้านบนมีลานชักธงชาติไว้บอกให้รู้เวลาที่มีเรือเข้าออก
ลานนี้เป็นลานคอนกรีตเก่าๆเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสิบเมตร มีรอยแตกน่ากลัว แต่รอยแตกเป็นรอยแตกเก่านานปีไร้การซ่อมแซมรักษา ค่อยๆเดินขึ้นบันไดวนไปอีกประมาณยี่สิบขั้น ก็จะเป็นลานคอนกรีตแตกๆ มีเสาธงชาติปักอยู่ ที่ลานนี้รอบข้างเปิดโล่ง มองเห็นได้รอบทิศทาง แต่ด้วยความเสียว(อีกแล้ว) เราจึงได้แค่นั่งถ่ายรูปอยู่ตรงสุดบันไดทางเดินบนลานธงชาตินี้เท่านั้น
ณ จุดนี้ เป็นจุดชมวิวที่สวยมาก สามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศทาง ๓๖๐องศา เพียงแต่บางมุมมีต้นไม้สูงใหญ่บังวิวเท่านั้น หากตัดต้นไม้ออกก็จะเห็นวิวรอบด้านชัดเจน
คิดว่า หากจะชมวิวให้ชัดที่สุด ควรไปช่วงหน้าหนาวแบบตอนนี้ ขึ้นยอดเขาช่วงเช้าๆ จะดีที่สุด เพราะหากขึ้นช่วงบ่าย ความร้อนจากแสงแดดจะทำให้ไอจากทะเลเกิดขึ้นจนบดบังทัศนียภาพได้
น่าเสียดายจุดท่องเที่ยวสำคัญ ที่ไร้การดูแลรักษาทำให้ดีๆ หากมีการซ่อมแซมสิ่งที่มีอยู่แล้วไม่ให้ทรุดโทรม พัฒนาบางจุดเช่นทำทางเดิน-ตัดแต่งต้นไม้ด้านบนก็จะดีไม่น้อย
ต่อไปเป็นภาพ(๑๑ธค.๕๗)
มองจากเรือ ศาลายาวๆสีแดงคือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ มณฑปสีขาวคือมณฑปพระพุทธบาท บนสุดบนยอดเขาที่เห็นธงชาติเล็กคือยอดเขาพระจุลจอมเกล้า
แนวจากเสาโทรศัพท์ไปยังมณฑปสีขาวคือถนน
รถไปส่งได้ถึงแค่ทางขึ้นมณฑปพระพุทธบาท
วิวจากมณฑป
แยกขวาขึ้นมณฑป แยกซ้ายขึ้นยอดเขาพระจุลจอมเกล้า
ป้าย
บันไดซุ้มไม้
มองย้อนหลัง
กองหินที่จารึกพระนาม จปร.
โปรดสังเกตตัว จ
เดินตามแนวเชือกฟางไปทางซ้าย(ไม่มีป้าย ต้องเดาเอาเอง น่าจะมีใครทำป้ายไปปักไว้สักหน่อย)
บันไดขึ้นยอดลาน
ด้านบนยอดลานธงชาติ(เสียวไส้น่ะ เลยได้รูปแค่มุมเดียว)
ขาลง ก็ต้องค่อยๆเดินลงมาจนถึงพระพุทธบาท แล้วก็โทรเรียกมอฯมารับไปส่งท่าเรือ เพื่อนั่งเรือกลับศรีราชา ก็ขอจบทริปทัศนศึกษายอดเขาพระจุลจอมเกล้าแต่เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาชมจนจบ
ลาด้วยรูปหอควบคุมเรือของกรมเจ้าท่า รึหอชมวิวก็ไม่รู้ ไม่เห็นใครทำงานหรือขึ้นไปเลย รึเป็นหอที่ทำไว้โก้ๆก็ไม่รู้สิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น