วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

--------------------------------------------- ตอนแรกนะค่ะ http://pantip.com/topic/32781211 --------------------------------------------- หลังจากจบเดย์ทริปอย่างหนักหน่วง เราจึงรีบเข้าที่พักไปอาบน้ำอาบท่ามาหาของกินกัน แต่ครั้งนี้ต้องมีสติหลังจากที่มื้อแรกเจ็บไปเย๊อะะะ จึงตกลงกันว่าจะไม่ไปร้านอาหารแต่จะซื้อของจากชาวบ้านมากินเอา พวกเราเดินเลยไปดูของกินในเมือง ก็เจอรถเข็นขายไก่ปิ้ง มีทั้งเนื้อย่างเป็นพวง หมูย่างเป็นพวง พวงล่ะ 40 บาท เอาจริงๆแพงนะถ้าเทียบกับราคาที่ไทย แต่ตอนนั้นความหิวมันครอบคลุมต่อมสติเลยตัดสินใจซื้อมา 2 พวง ส่วนไก่ปิ้ง เหมือนบ้านเราเลย แต่ขายไม้ล่ะ 100 บาท แต่ดีที่พวกเรายังพอมีสติอยู่นิดหน่อยเลยไม่เอา (หว่ออออ) เลยเลือกเป็นไม้เล็กๆกับข้าวเหนียวมาแทน แต่กินไปสักพักปัญหาคือไม่อิ่ม จึงต้องกลับมาต่อด้วยมาม่ากันคนล่ะห่อที่ที่พัก ราคาห่อละ 40 บาท (ต้มให้ ใส่ผักให้) หลังจากหมดปัญหาเรื่องกิน ปัญหาต่อมาคือ wifi เล่นไม่ได้เนื่องจากค่อนข้างช้ามาก พวกเราจึงปรึกษากันเรื่องย้ายโรงแรม เพราะ wifi เปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต จึงส่งสองสมาชิกออกไปหาที่พักใหม่ โดยข้อเน้นว่า ต้องลองเล่น wifi ก่อน แล้วค่อยตกลงเอา พวกเราจึงได้ที่พักใหม่ซึ่งถูกมากกก ( เดี๋ยวตรงนี้จะพูดถึงหลังจากกลับมาจากบลูลากูน ) ....เช้าวันต่อมา(ขี้เกียจลุกสุกๆเพราะอากาศดีมาก) เราก็รีบขนของไปไว้ที่พักใหม่ วันนี้ตอนแรกมีแพลนคือไปบลูลากูน ซึ่งตอนแรกเราลังเลว่า จะเช่าจักรยาน หรือมอไซต์ดี ระหว่างนั้นเจอชาขาวและดอน เขาจึงแนะนำว่า มอไซต์ดีกว่าเพราะทางลำบาก เราจึงเดินไปเช่ามอไซต์กัน (พูดเหมือนจะไกลแต่เดินประมาณ 20 ก้าวก็ถึงแล้ว) ใช้แค่พาสปอร์ต ค่าเช่า 120 บาท มีน้ำมันแถมให้ 1 ลิตร แต่มันไม่พอในการไปบลูลากูน เราเลยต้องขับไปเติม พร้อมกับแวะซื้อตั๋วกลับในวันพรุ่งนี้ที่สถานีรถ เราซื้อเสบียงตุนกันก่อนจะไปบลูลากูน เวลาเหลือเยอะเพราะคนแถวนั้นบอกไปช่วง บ่ายโมงถึงจะครึกครื้น ระหว่างทางไปถนนเป็นลูกรังบ้างดินแดนบ้าง ขับลัดเลาะผ่านหมู่บ้านไปเรื่อยๆ รอบๆข้างเป็นภูเขา บ้างก็โล่งเป็นทุ่งนา ฟีลคล้ายๆภาคเหนือบนดอยบ้านเรา แต่รถสวนมาทีนี่ ดินแดงฟุ้งกระจายแห้งกรังกันไปทั้งแถบ ( ลืมบอก เค้าจะมีแผนที่ให้มาด้วยกับมอไซต์ เพราะฉะนั้นไปถูกแน่นอนน ) ภาพนี้ทุกคนอาจจะสงสัยว่า เอออออ๋ หมอกรึป่าว ป่าวนะค่ะดินล้วนๆ ขับมาสักพักประมาณ 10-20 นาทีก็จะมาถึงแล้วค่ะ เสียค่าเข้าด้วยแต่จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ น่าจะ 20 บาทรึป่าว แหะๆ ขับมานี่คลุกฝุ่นคลุกดิน แต่พอมาแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ อาจจะไม่ยิ่งใหญ่มากเหมือนในรูป แต่สวยมากกคอนเฟิร์มมมม เรารีบจอดมอไซต์ แล้วไปจองพื้นที่กันทันที ทีนี้มีเสื่อให้นั่งฟรีค่ะ มีเพิงขายอาหารด้วย ตอนเราไปถึง คนน้อยค่อนข้างน้อย มีคนลาวมาเล่นกันกลุ่มสองกลุ่ม คล้ายๆฟีลเราไปเที่ยวน้ำตกแถวบ้าวๆบ้านประมาณนั้น แล้วก็ฝรั่งคู่สองคู่ พอสักพัก ก็เริ่มมีฝรั่งทยอยมาค่ะ พอสักพักอีกหน่อยทีนี้เริ่มครึกครื้นแล้วคราวนี้มีทัวร์มาลงกันเลยทีเดียว เป็นเหล่าบรรดา โอปป้า (แต่จริงๆอายุคราวพ่อเรา) ที่เรียกแบบนั้นเพราะว่าฟิตกันมากค่ะ คือในรูปเนี่ยไอ้จุดที่โดดลงมามันจะดูไม่สูงมาก แต่จริงๆน่ากลัวมากกกก เพราะอยู่ข้างบนต้นไม้ ขาถึงกับสั่นนนนน เหวยยยยยย เหวยๆๆๆ ซูมเข้าไปหน่อยยย ทำไรกันอ่าแกรรรรร หลังจากเล่นจนตัวเปื่อยเราก็ขี่มอไซต์ เอาไปคืนร้านเช่าแล้วก็กลับที่พักกัน ที่พักคืนสุดท้ายนี่ถูกมากก คืนละ 600 ค่ะ มีสองเตียง มีแอร์ ทีวี wifi (แรงขึ้นกว่าที่เก่านิดหน่อย แต่จะเล่นทีต้องมานั่งเล่นติดประตูห้องเลย) ออกแนวเป็นตึกๆประมาณ 3-4 ชั้น วิวที่ได้จากทีนี้จะเป็นวิวมุมสูงค่ะ สวยมากเห็นภูเขาจากห้องนอนเลย ไม่มีอาหารเช้าให้นะค่ะ วันนี้คืนสุดท้ายแล้วที่จะได้นอนที่นี้ ก็เลยกะจะจัดอาหารชุดใหญ่กันอีกมื้อ ร้านอาหารที่ลาวส่วนมาก จะคล้ายๆกันหมดเลยคือ เป็นโต๊ะนั่งๆนอนๆ เบาะลายสก็อตสีแดง เปิดซีรี่ฝรั่งทั้งวัน พวกเราเลือกร้านที่บรรยากาศดูชิวใจกลางวังเวียงเลย (จำชื่อร้านไม่ได้ขอโทษนะค่ะ) อาหารที่ต้องลองเลยเราว่าคือ พิซซ่าหน้าไข่กับกระเทียม อร่อยมากๆ ไข่จะไม่ค่อยสุก มีกระเทียมหั่นหยาบๆ กัดไปเจอกระเทียมก็ซี้ดซ้าดกันไป มื้อนั้นหมดกันไปอีกประมาณ 500 บาทค่ะ ระหว่างเดินกลับที่พัก เราเห็นฝรั่งเล่นสนุ๊กกันอยู่ในร้านบาร์เล็กๆก็เลยเออเอาหวะ กลับที่พักไปเอาเสื้อหนาว แล้วค่อยแวะมา (อากาศช่วงเย็นจะหนาวๆเย็นๆหน่อยค่ะ ) แต่พอหลังจากกลับมาดูสรุปฝรั่งหายไปหมดแล้ว ด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นกันมาแล้ว ก็เลยเดินหาร้านอื่น จนจำได้ว่าวันแรกระหว่างทางไปที่พักแรกมีอยู่ร้านนึง เรากะว่าแค่จะไปเดินๆดูเพราะจำที่ตั้งไม่ได้แน่นอน ก็มีฝรั่งชวนที่นั่งอยู่หน้าร้านบอก ' ฟรี วันดริ้งค์ๆ ' แหมมมมมมมมมมมมมม่ รออะไรละค่ะ เข้าเลยคิดอะไรอี๊กกกกกก ( แต่พอดูเงยหน้าดูชื่อร้านเป็นร้านที่พวกเราตามหากันอยู่ ) ชื่อร้าน ' fat monkey pub ' เข้าไปไม่มีคนลาวเลย ไม่มีเลยจริงๆ มีแต่ฝรั่งเต็มร้านไปหมด พวกเราเดินไปเอาไปเครื่องดื่มที่เค้าบอกฟรี แล้วก็มานั่งหงิมๆกันอยู่ที่โต๊ะ ด้วยสกิลภาษาที่ปวกเปียก เลยจับเป็นก้อนคนไทยอยู่กลุ่มเดียวในร้าน สถานการณ์เริ่มตึงๆไม่รู้จะทำอะไรต่อ เลยเดินไปซื้อเบียร์ลาวมากิน หลังจากนั้นก็งุ้งงิ้งๆกันเองอยู่ที่โต๊ะ ก็มีฝรั่งงมาชวนไปเล่นเบียร์ปอง ตอนแรกก็เล่นไม่เป็นเค้าก็ค่อยๆสอน คือมันจะมีแก้วเอามาวางเรียงๆใส่เบียร์ คือถ้าเดาะปิงปองไปลงแก้วก็ต้องกิน ประมาณๆนี้แหละ รูปภาพตอนวันกลับค่ะ จะมีรถมาวนรับเราไปที่สถานีรอรถบัส เค้านัดเราประมาณ เก้าโมงถ้าจำไม่ผิด แต่ด้วยความที่ชักช้ากันเลยไม่ทันรถ ก็เลยต้องเดินไปกันเอง ระหว่างเดินรถก็ผ่านไปอีก 3-4 รอบ โธ่เอ้ยยยยย สรุปคือรถวิ่งหลายรอบนะค่ะ รออยู่แถวๆนั้นก็ได้ จบกันไปด้วยภาพสุดท้ายนะค่ะ ...เราคิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่สนุกเลย ถ้าขาดสิ่งที่เจอระหว่างทาง ขาดผู้คนที่ได้เจอได้รู้จักกันระหว่างทริป ไปแค่ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเฉยๆ ไม่ได้ทำความรู้จักสิ่งต่างๆระหว่างการเดินทาง การเดินทางครั้งนี้ของพวกเราเป็นจุดเริ่มต้นของการอยากเดินทางไปอีกหลายๆที่ ประหนึ่งเสมือนว่าเปรียบ55555555555 ได้เริ่มต้นสู่การเป็นแบ็คแพ็คเกอร์ ( ถึงมันจะเป็นก้าวเล็กๆก็เหอะ แต่หึกเหิมมาก) หลังจากกลับมาทำให้รู้ตัวเองเลยว่านี่แหละๆๆ สิ่งที่ต้องการ 555555555 รีบๆไปเที่ยวกันนะค่ะ เผื่อจะเจอจุดเปลี่ยน หรือสิ่งที่ตัวเองชอบแบบพวกเราค่ะ เม่ากิจกรรมเดี๋ยวคืนนี้จะกลับมาลง ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ กับทริคเล็กๆในการไปวังเวียงนะค่ะ    แต่ก่อนไปขอฝากเพจไว้ก่อนเลยยย มีรูปการเดินทางยิบๆย่อยๆของพวกเรา กำลังทำอยู่ค่ะ ช่วยสนับสนุนความฝันของพวกเราหน่อยนะค่ะ ฮ่าๆๆๆ https://www.facebook.com/pages/As-Soon-As-I-Saw/300200646855444?fref=tsม้าม้าม้าม้าม้าม้า แก้ไขข้อความเมื่อ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศนียบัตรชนะเลิศ การบริการยอดเยี่ยม Tripadvisor.com

Sample Text

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

VartikaAdventure Kuiburi

VartikaAdventure Kuiburi

VartKa Kuiburi

VartKa Kuiburi

Facebook Vartika Adventure Retreatic Resort

Facebook Vartika Resovilla Kuiburi

Popular Posts