สวัสดีค่ะ สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ ก็เพื่ออยากแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตค่ะ
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีโอกาสได้ไป ก็จะมาอ่านกระทู้ต่างๆที่มีรูปสวยๆในพันทิปนี่แหล่ะค่ะ
พอครั้งนี้มีโอกาสได้ไป เลยอยากลองแชร์ประสบการณ์และเขียนเก็บไว้เป็นความทรงจำดูบ้าง
จริงๆแล้วทริปนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม - 1 มิถุนายนแล้วค่ะ (แต่เพิ่งมาเขียนกระทู้ <)
สาเหตุที่ทำให้เราได้ไปเที่ยวในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเราได้รางวัลจากรายการโทรทัศน์รายการนึง
รายละเอียดรางวัลเป็นแพคเกจทัวร์ญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน สำหรับ 2 ท่านพร้อมตั๋ว Tokyo Disneyland 1 Day Pass ค่ะ
ตอนแรกที่ได้รางวัลก็ดีใจมากๆ เพราะไม่เคยไปตปท.มาก่อน ขนาดเครื่องบินก็ยังไม่เคยขึ้นเลยค่ะ
แต่ในใจก็แอบกังวลว่าการไปเที่ยวกับทัวร์จะสนุกหรือเปล่า แถมชื่อบริษัททัวร์ก็ไม่รู้จักด้วย T T กลัวโดนหลอกมากๆเลยค่ะ
แต่สุดท้ายแล้ว ทาง BKK ก็ติดต่อมา สำหรับกำหนดการของทริปนี้คือ 5 วัน 3 คืน โดยรายละเอียดดังนี้ค่ะ
28 พ.ค. 2014
นัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เพื่อแจกเอกสาร เช็คอิน และโหลดกระเป๋า
29 พ.ค. 2014
มุ่งหน้าสู่สนามบินนาริตะด้วยสายการบิน Asia Atlantic Airline (AAA)
โดยสถานที่ที่จะไปในวันนี้ก็ได้แก่ วัดนาริตะ, หุบเขาโอวาคุตานิ และโกเท็มบะ เอาท์เลท
30 พ.ค. 2014
สำหรับวันที่ 3 โปรแกรมอัดแน่นมาก ไปหลายที่มาก
ตั้งแต่ชมดอกชิบะซากุระ, ภูเขาไฟฟูจิ, ทะเลสาปฮาโกเน่, วัดอาซากุสะ และชอปปิ้งย่านชินจุกุค่ะ
31 พ.ค. 2014
ปล่อยอิสระทั้งวันค่ะ
1 มิ.ย. 2014
ช้อปปิ้ง Duty Free ที่สนามบิน Narita และเตรียมขึ้นเครื่องกลับ
แน่นอนว่าถึงตอนนี้เราก็ยังแอบกังวลอยู่ว่าไปกับทัวร์จะสนุกหรือเปล่าเนี่ย T T อยากไปเองจัง
แต่ก็คิดในใจว่าไปกับทัวร์ก็ดีอย่างตรงที่ไม่หลงทางแน่นอน แถมยังมีไกด์ที่พูดภาษาเดียวกับเราให้อุ่นใจ
ระหว่างที่รอให้ถึงวันเดินทาง เราก็ไปทำ Passport และเตรียมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับที่ท่องเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์ค่ะ
ส่วนวันที่ 3 ที่ปล่อยอิสระทั้งวันนั้น เราเลือกที่จะไปทั้ง Disneyland และ Disneysea ในวันเดียวกันเลยค่ะ
เพราะตอนนั้นกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้มาอีก เลยอยากเที่ยวทีเดียวให้คุ้ม ทำให้ต้องไปซื้อตั๋วเพิ่มเอง
เพราะรางวัลที่ได้มา จะเลือกเข้าได้แค่ที่เดียวค่ะ ถ้าอยากเข้าสองที่ก็ต้องเสียเพิ่ม โดยเราก็ซื้อไปจากไทยที่ H.I.S แถวอโศกค่ะ
และแล้วก็ถึงวันเดินทางค่ะ พ่อกับแม่ก็ไปส่งถึงสนามบินตามเวลาเลย ก็มีพี่ทีมงานมารอแจกเอกสาร
เรามาถึงก็แค่รับเอกสาร แล้วไปโหลดกระเป๋า หลังจากนั้นก็ไปเตรียมรอขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ
ข้อดีข้อแรกของการไปเที่ยวกับทัวร์ที่เราสัมผัสได้คือไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารต่างๆเลยค่ะ ทางทัวร์จะกรอกข้อมูลให้เราหมดแล้ว
พอไปถึงสนามบินก็แค่ไปที่จุดนัดพบของทัวร์แล้วรับเอกสาร หลังจากนั้นก็ไปโหลดกระเป๋า แล้วไปเตรียมขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ
ทำให้มีเวลาหาข้อมูลเรื่องสถานที่กับของที่จะซื้อมาเยอะเลยค่ะ <
ภาพนี้ถ่ายกับพี่เกด เจ้าของทัวร์ค่ะ มาส่งถึงที่สนามบินแถมเอาตั๋วเข้า Disneyland มาให้กับมือด้วย ขอบคุณมากๆนะคะ
สำหรับสายการบิน AAA ที่เรานั่งไปครั้งนี้ เราว่าก็โอเคนะคะ ไม่ได้รู้สึกว่าได้รับการบริการที่แย่อะไร (หรือเป็นเพราะเราเคยขึ้นเครื่องครั้งแรกหว่า)
แล้วก็มาถึงสนามบินนาริตะในตอนเช้าเลยค่ะ หลังจากก็ต้องไปผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองที่เราเองก็ตุ้มๆต้อมๆว่าจะผ่านไปได้มั้ย
แต่พอเครื่องลง ไกด์ก็จะแนะนำว่าเราต้องทำอะไรบ้างในการทำพิธีตรวจคนเข้าเมืองค่ะ ซึ่งพอมากับทัวร์เนี่ยจะไม่ค่อยมีปัญหา ผ่านได้ฉลุยเลยค่ะ
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็มาขึ้น shuttle bus เตรียมมุ่งหน้าสู่สถานที่เที่ยวที่แรกเลยค่ะ
ข้อดีข้อที่สองของการไปเที่ยวกับทัวร์ คือ ถึงจะไปครั้งแรกก็ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เพราะทัวร์มีรถนำส่งตลอด แถมยังได้ดูวิวสวยๆข้างทางด้วย ได้เห็นวิถีชีวิตบ้านเรือนของคนที่นู่น บอกเลยว่าชอบมาก ตามข้างทางจะชอบมีดอกไม้ดอกหญ้าขึ้นมาแบบพองาม สวยฟินมากๆ
ถ่ายจากหน้าต่างรถ Bus ค่ะ ชอบบ้านเมืองเขามาก ดูสงบๆ สะอาดๆ บ้านเรื่อนนี่ยังกับในการ์ตูนที่เคยอ่านเด๊ะๆ
พอมาถึงวัด Narita แล้วก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วค่ะ ทางไกด์(พี่เจน)เลยพาพวกเราไปทานอาหารกลางวันกันก่อน
มื้อแรกที่ญี่ปุ่น ก็จัดด้วยอาหารญี่ปุ่นแท้ๆเลยค่ะ ที่เห็นนี้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ เยอะมากๆ
ข้อดีข้อที่สามของการไปเที่ยวกับทัวร์ คือ ทางทัวร์จะจัดเตรียมอาหารและสถานที่ไว้ให้เราแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มด้วย
ทำให้เราสามารถคุมงบประมาณในส่วนนี้ได้ค่ะ มีเงินเหลือชอปปิ้งสบายๆ
กินเสร็จแล้วก็ไปเดินเที่ยวชมวัดกันค่ะ
ทางเข้าด้านหน้า แบบว่าใหญ่มากๆ อลังการสุดๆ
ตักน้ำขอพร (ถ้ามากับทัวร์ ไกด์จะอธิบายให้เราฟังค่ะว่าต้องทำยังไงบ้าง ซึ่งตอนนี้เราก็จำไม่ได้แล้ว 555)
ก่อนทางขึ้นบนไดไปบนวัด จะมีบ่อเต่า ให้เราชมความน่ารักของเต่าญี่ปุ่นค่ะ
ซึ่งบ่อเต่าของทางวัด น้ำใสมากๆๆๆ ไม่เหมือนบ่อเต่าตามวัดที่ไทยเลย
พอขึ้นบันไดมาจนสุด ก็ถึงเขตวัดค่ะ (ไม่ได้ถ่ายภาพโดยรวมมา T T) เหมือนภาพที่เห็นในการ์ตูนมากๆ
เขาเรียกว่าเจดีย์หริอเปล่า ของจริง คือสูงตระหง่านมากๆ
ที่นี่เราสามารถเข้าไปไหว้พระได้ตามปกตินะคะ แต่ห้ามถ่ายรูปบริเวณด้านในค่ะ
ธรรมชาติที่นี่ประทับใจเรามากค่ะ มันดูชื้นๆกำลังดี ไม่แห้งเหมือนเมืองไทย
ช่วงเราไปอากาศค่อนข้างดีเลยค่ะ ไม่เจอฝน อากาศก็ไม่ร้อนอบอ้าว โชคดีมากๆ
หลังจากไหว้พระ ขอพรกันที่วัดนาริตะแล้ว ก็เดินทางมุ่งสู่สถานที่ถัดไปค่ะ นั่นก็คือ "หุบเขาโอวาคุตานิ"
ระหว่างการเดินทาง พี่เจนก็ได้เล่าตำนานของสถานที่แห่งนี้ค่ะว่ามีความเป็นมายังไง ฟังไปเพลินๆดีค่ะ
ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดี เพราะระหว่างทางถ้าเหนื่อยจากการนั่งเครื่อง เราก็สามารถงีบหลับเอาแรงได้
แต่ถ้าไม่หลับก็ฟังไกด์บรรยายสถานที่ค่ะ เพราะถ้าไปอ่านเองก็คงอ่านไม่ออก (และคงไม่อ่านอยู่แล้ว 55)
สำหรับหุบเขาโอวาคุตานิ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าถ้าได้มากินไข่ต้มของที่นี่ 1 ฟองจะมีอายุยืนไป 7 ปีค่ะ
(จริงๆแล้วมีตำนานเรื่องเล่านะคะ แต่ตอนนั้นเราฟังแบบหลับๆตื่นๆ เลยจำรายละเอียดไม่ค่อยจะได้นัก)
ไข่ต้มของที่นี่จะมีความพิเศษกว่าที่อื่นตรงที่ เปลือกไข่จะเป็นสีดำค่ะ เพราะถูกต้มในบ่อน้ำพุร้อนกำมะถัน
ดังนั้นพวกของฝากของที่นี่ นอกจาก"ไข่ต้มสีดำ"แล้ว ยังมีของที่ระลึกที่เป็นสัญลักษณ์ของไข่ดำด้วยค่ะ
ถึงแล้ว หุบเขานรก หรือ หุบเขาโอวาคุตานิ มีคิตตี้ไข่ดำมารอต้อนรับ เลยต้องแชะภาพสักหน่อย
(ที่ญี่ปุ่นนี่ มีคิตตี้เกลื่อนเมืองมากค่ะ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจอ)
พอมาถึงแล้ว ถ้าเราอยากขึ้นไปดูบ่อกำมะถันที่เขาเอาไว้ต้มไข่ ก็ต้องเดินขึ้นไปบนเขาอีกนะคะ
พี่เจนเลยแนะนำว่าใครที่เดินไปไม่ไหว(ในทริปเรามีผู้สูงอายุมา 1 ท่านด้วยค่ะ)ก็สามารถซื้อไข่ข้างล่างได้
เพราะเขาเอาลงมาขายเหมือนกัน ราคาเท่ากัน
แต่สำหรับเราแล้ว อุตส่าห์มาถึงทั้งทีแล้ว ก็ต้องลองขึ้นไปสักตั้งค่ะ
ภาพถ่ายจากจุดบนสุดของบ่อน้ำพุร้อนกำมะถันค่ะ เหม็นกำมะถันมากๆ
บ้านทางซ้ายมือจะเป็นสถานที่ขายไข่ดำค่ะ ถ้าจำไม่ผิด 4 ลูก 150 เยนค่ะ ไหนๆไปแล้วก็เลยต้องซื้อมาชิมค่ะ (รสชาติไม่ต่างจากไข่ต้มทั่วไปเลย)
นี่ไงบ่อน้ำพุร้อนกำมะถัน ควันขโมงโฉงเฉงมาก แถมเหม็นกลิ่นกำมะถันฝุดๆ
ส่วนหนึ่งของทางเดินที่ขึ้นไปบนบ่อน้ำพุร้อนค่ะ ไกลพอสมควร แต่ก็ได้ดูธรรมชาติระหว่างทางไปด้วยก็ฟินดีค่ะ
อย่างที่บอกค่ะนอกจากไข่ต้มแล้ว พวกของที่ระลึกก็จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับไข่ดำ เช่น ของเล่นไดโนเสาร์ ในไข่สีดำ - -
หลังจากกินไข่ดำจนหนำใจกันแล้ว ก็เตรียมเดินทางสู่สถานที่ต่อไปค่ะ คือ Gotemba Outlet นั่นเอง
(ตรงช่วงนี้ไม่มีภาพประกอบนะคะ เพราะกว่าจะไปถึงที่เอาท์เลทก็จะปิดแล้ว เลยต้องรีบช็อปอย่างด่วยเลยค่ะ)
เป็น outlet ที่ค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ ร้านก็เยอะมากๆ ถ้ามาไวก็กว่านี้ ก็คงมีเวลาเดินชอปปิ้งชิวๆเลยค่ะ
พอชอปปิ้งที่ Gotemba Outlet กันแล้ว ก็ได้เวลารับประทานอาหารเย็นค่ะ
ระหว่างเดินทางไปยังสถานที่ทานอาหารเย็น ก็มองเห็นภูเขาไฟฟูจิมาแต่ไกลๆแล้ว
เป็นร้านอาหารประเภทเทมปุระ ร้านไม่ใหญ่มาก แต่รสชาติดีมากๆเลยค่ะ
เราเองชอบกินกุ้งเทมปุระอยู่แล้ว ได้มากินถึงถิ่นแล้วมันฟินแบบสุดๆ
จากตรงที่จอดรถของร้านอาหาร เห็นภูเขาไฟฟูจิชัดมากเลยค่ะ สวยงามมม
จริงๆมีเรื่องประทับใจเกี่ยวกับไกด์มาเล่าให้ฟังนิดหน่อยค่ะ คือพอตอนไปถึงที่ร้านอาหารเนี่ย
เหมือนว่าวันนี้ทางร้านจะมีลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ บวกกับต้องรับทัวร์เราด้วย เลยทำอาหารกันไม่ทันค่ะ
พี่เจน ไกด์ของเราเลยต้องเข้าไปช่วยเอาอาหารมาเสิร์ฟจากในครัว แล้วก็คอยตรวจเช็คว่าโต๊ะไหนได้อาหารกันครบหรือยัง
หลังจากที่เสิร์ฟจนครบทุกเมนู ครบทุกคนแล้ว พี่เจนถึงจะได้นั่งทานอาหารค่ะ สปิริตมากๆ
หลังจากนั้นก็เดินทางสู่ที่พักคืนแรกในญี่ปุ่นกันค่ะ เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง นั่นก็คือ Super Hotel นั่นเอง ไม่รอช้ามาดูห้องพักกันดีกว่าค่ะ
แต่นแต๊น แค่เปิดประตูมาก็เห็นห้องพักทั้งหมดเลย
แต่ในความเล็กของห้อง ทุกอย่างถูกจัดสรรไว้ดีมาก
โดยส่วนตัวแล้วชอบนะคะ รู้สึกว่าเขาจัดสรรพื้นที่ได้ดีมากๆเลย นอนแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ
และที่สำคัญ โรงแรมนี้มีอุปกรณ์ในการอาบน้ำแจกฟรีด้วยค่ะ ทั้งมาส์กหน้า สบู่ เกลือภูเขาไฟ และอื่นๆ
อ้อ ลืมบอกไปเลยค่ะว่า ที่โรงแรมนี้มีออนเซ็นให้แช่ด้วยนะคะ ใครอยากลองไปแช่ก็เชิญตามสบายเลย
หลังจากหลับสบายมาทั้งคืน ก็ถึงเวลาตื่นนอนค่ะ โดยพี่เจนได้นัดทุกคนมาทานอาหารเช้ากันตอนเจ็ดโมง และจะออกรถตอนแปดโมงค่ะ
พอหกโมงเช้า เราก็ตื่นมาแบบบงัวเงีย เลยลองเปิดหน้าต่างในห้องนอน ไหนลองดูวิวยามเช้าของที่นี่ดูหน่อยสิ
พอเปิดผ้าม่านเท่านั้นแหล่ะค่ะ ต้องหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้เลย เพราะตรงหน้าเราเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้และชัดมากๆ
โชคดีมากๆเลยค่ะ ที่ได้นอนห้องที่เห็นวิวภูเขาสวยๆขนาดนี้ (แต่หลังจากนี้ก็จะได้เห็นฟูจิซังใกล้และชัดมากกว่านี้อีกค่ะ)
ก่อนออกเดินทางต่อในวันที่สาม เลยถ่ายรูปร่วมกันกับเพื่อนๆร่วมทริปที่หน้าโรงแรมกันก่อนค่ะ
พร้อมบ๊ายบายเจ้าเหมียวที่เจอที่หน้าโรงแรม
ชื่อสินค้า: BKK Travel Center
คะแนน:
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น