วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สวัสดีค่าทุกท่าน กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่รีวิวทริปสิงคโปร์ไปเมื่อประมาณช่วงปี 2552 (นานมากกกกก) ระหว่างนั้น เราเองก็มีไปเที่ยวฮ่องกงบ้าง และเกาหลี 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2555 2556 และ 2557 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ แถม 3 ปีนั้นก็ไปรอบเดียวกันอีก ถามว่าเบื่อไหม ขอบอกเลยว่าไม่เบื่อเลย ยังไงก็ยังอยากกลับไปอีก ตอนแรกปีนี้ เราตั้งใจว่าจะไปตะลุยหิมะที่ญี่ปุ่น แต่คุณแม่บอกว่าอยากไปเกาหลีบ้าง เลยต้องเอาเงินที่ตั้งใจเก็บไว้ ไปเกาหลีก่อน คุณแม่ไม่เคยเที่ยวต่างประเทศเลย ตอนแรกถามแล้วว่าท่านอยากไปกับทัวร์ หรือจะให้ เราพาทัวร์ ท่านบอกว่า กลัวไปกับทัวร์เที่ยวได้น้อย (เพราะทัวร์ชอบพาไปเสียเวลาที่ศูนย์โสม, พลอยสีม่วง, ศูนย์เวชสำอางค์, โรงเรียนทำกิมจิ แต่ให้เวลาเที่ยวน้อย) ซึ่งก็ตกลงตามนั้น เพราะตัวเราเองเคยไปมา 2 รอบแล้ว พอจะรู้ทิศทางบ้าง คุณแม่ อายุ 52 ปีค่ะ ขายังแข็งแรงดี เพราะฉะนั้น ยังพอไหวถ้าจะเดินเยอะ แต่เราขอบอกเลยว่า คราวหน้าจะไปไหน พาท่านไปกับทัวร์ดีกว่า สงสารท่านมาก แต่ดีที่ท่านยังสนุกอยู่ ท่านจะเบื่อตอนเดินทาง เพราะคนเยอะ แล้วคนเกาหลีเดินกันเร่งรีบมาก บางทีชนจนกระเด็นก็มี ดังนั้น ทริปนี้จะซอฟท์ๆ ค่ะ ไม่มีอะไรมาก อาจจะเที่ยวไม่กี่ที่ แต่เราอาจจะมีแทรกรีวิวบางที่ ของปีก่อนหน้านี้ที่เราไปด้วยบ้างนะคะ เผื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับใครอีกหลายคน เพราะตัวเราเองก็ได้รับข้อมูลจากห้องนี้ แล้วนำไปปรับใช้มาเช่นกันค่า การเดินทางครั้งนี้ เราใช้บริการป้าม่วงค่ะ ตอนแรกคุณแม่ท่านเห็นว่าไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์มีบินตรง ราคาโปร ไม่แพงด้วย (นั่นจึงเป็นเหตุให้ท่านอยากไป) แต่เพราะ เราเข็ดขยาดกับแอร์เอเชียตอนสมัยที่ยังต้องไปต่อเครื่องที่ LCCT เพราะตอนนั้นโดนดีเลย์ไป 4 ชั่วโมง แพลนทุกอย่างเลื่อนไปหมด แล้วต้องเร่งรีบเที่ยวเพื่อเก็บให้ครบ (สุดท้ายก็ไม่ครบ เลยต้องไปอีกรอบแก้ตัว) เราเลยไม่ค่อยมั่นใจพี่หางแดงสักเท่าไหร่ บวกกับอยากให้คุณแม่ได้นั่งสบายๆ มีอาหาร ของว่าง น้ำดื่ม บริการได้ตลอด พอเจอราคาโปร ไปกลับ คนละ 18,xxx บาท ก็เลยรีบจองเลยค่ะ (ปีที่แล้วแค่ 17,xxx เอง) แพงหน่อย ถือว่าซื้อความสบาย ได้เที่ยวได้สนุกๆ ทริปนี้เราไปกัน 3 คน ตัวเราเอง, คุณสามี (ไปช่วยลากกระเป๋า ฮ่าฮ่า) และคุณแม่ ออกเดินทางวันที่ 29 ตุลาคม 23.10 ไปถึงสนามบินอินชอนประมาณ 6.15 น. วันที่ 30 ตุลาคม กว่าจะเสร็จจาก ตม. ก็ประมาณ 7.30 น.แล้วค่ะ เพราะสายการบินที่นั่งเป็นสายการบินต่างชาติ ดังนั้น เมื่อลงจากเครื่องแล้วให้เดินตามป้ายไปเลยค่ะ จะไปเจอกับทางลงไปยังรถไฟใต้ดินของสนามบิน เพื่อไปยังที่ตรวจคนเข้าเมือง (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เพราะตอนนั้นเร่งรีบเดินๆตามเค้าไป ไม่อยากให้เสียเวลา) ถ้าไม่มั่นใจก็เดินตามคนอื่นๆไปได้เลยค่า แต่หากนั่งสายการบิน Korea Air หรือ Asiana Airline ก็จะเดินไปที่ ตม. ได้เลยค่ะ เมื่อผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว พอเราเดินออกมา ให้เราไปทางขวามือนะคะ จะมีป้ายเขียนประมาณว่าทางไป MRT ซึ่งเราสามารถซื้อ T-money ได้ที่ร้าน GS25 ซึ่งอยู่ทางด้านขวาของทางออกค่ะ ค่า T-Money ราคา 3,000 วอน (หากใครต้องการยืม T-money เรามีอยู่ 4 ใบนะคะ) ส่วนเติมเงิน เราไปเติมที่ตู้ก่อนเข้าไปยังแพลทฟอร์มได้ค่ะ เมื่อเราซื้อบัตร T-Money เรียบร้อยแล้ว ให้เราเดินไปตามป้ายเลยค่ะ (รู้สึกจะอยู่ตรงข้ามกับ GS25 ใกล้ๆเคาท์เตอร์ Information) จะมีบันไดเลื่อนลง เราก็ลงค่ะ แล้วเดินไปตามทาง ซึ่งทางจะเป็นแนวนี้นะคะ (รูปเมื่อตอนเราไปครั้งแรก ปี 2012 ค่ะ) เมื่อไปถึงตรงที่กั้นที่จะเข้าไปยังสถานี จะมีอยู่ 2 ด้านนะคะ ด้านนึงเป็น Express อีกด้านนึงจะเป็นแบบธรรมดา เราจำไม่ได้ว่าด้านไหนเป็น Express ด้านไหนเป็นแบบธรรมดา แต่ดูจากตู้ขายตั๋ว หรือตรง Tiket Office ก็ได้ค่ะ จะมีเขียนไว้ ถ้ามาผิดฝั่งก็ให้เดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเติมเงินที่เครื่องเติมเงินได้เลยค่ะ เติมเงินเสร็จแล้วก็เข้า Platform ไปได้เลยค่า เข้ามาแล้วก็ลากกระเป๋าลงบันไดเลื่อน platform จะอยู่ชั้นใต้ดิน พอลงบันไดเลื่อนมา จะต้องรอที่ platform ทางด้านซ้ายมือนะคะ นั่งกันมายาวๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (หลับได้เลย) ก็ถึงสถานี Hongik ให้เรามุ่งตรงไปยังทางออก 1 กันเลยค่า สำหรับทางออกนี้จะอยู่ไกลหน่อยจากสายรถไฟใต้ดินที่เราขึ้น แต่มีบันไดเลื่อนค่ะ หรือบางคนขี้เกียจขึ้นบันไดเลื่อน ก็ลากกระเป๋าไปเข้าลิฟท์ก็ได้ค่ะ (คนเกาหลีก็ทำกัน) แต่ลิฟท์มีไว้สำหรับคนสูงอายุ กับคนพิการนะคะ ดังนั้นถ้าหากเราเจอคนสูงอายุ หรือคนพิการ เราควรจะให้เค้าไปก่อนนะคะ ตามมารยาทค่ะ แล้วบันไดเลื่อนที่นี่ ให้เรายืนชิดขวานะคะ เพื่อให้ช่องทางด้านซ้าย สามารถเดินได้ค่ะ เมื่อขึ้นถึงตรงบันไดทางออกที่ 1 จะมีให้เลือกเป็นบันไดเลื่อน หรือเดินขึ้นบันไดธรรมดานะคะ บันไดเลื่อนจะไปโผล่ข้างๆตึกที่พักค่ะ ส่วนบันไดที่เดินขึ้นจะโผล่อในตึกที่พักเลย แต่เรามีกระเป๋ามาด้วย ดังนั้น เราไปบันไดเลื่อนสะดวกกว่าค่ะ เมื่อขึ้นมาถึงแล้ว ให้เรามองทางด้านซ้ายของทางออกนะคะ จะเห็นร้าน Dunkin Donut ซึ่งร้านนี้จะอยู่ใต้ตึกที่เราพักค่ะ พุ่งตรงไปยังประตูข้างๆ Dunkin กันเลย สำหรับที่นี่จะเป็นตึกอพาร์ทเม้นท์ เมื่อเราเข้าไปในตึกแล้วจะเจอกับลิฟท์ ให้เราขึ้นไปยังชั้น 5 ไปหาแอนที่ห้อง 508 ค่ะ (ออกจากลิฟท์ที่เป็นสำหรับชั้นเลขคี่ แล้วมองไปทางขวามือค่ะ) หากประตูปิดอยู่ แต่ไม่มี Note อะไรติดหน้าห้อง ให้ลองกดออดเรียกดูนะคะ เพราะถ้าแอนไม่อยู่ เค้าจะปิดกระดาษโน้ตไว้หน้าห้องค่ะ ว่าจะไปนานกี่นาที สำหรับการจองกับ AnnGuesthouse ให้เราเข้าไปที่เว็บไชต์เค้าโดยตรงเลยนะคะ http://annguesthouse.co.kr/ เราเลือกพักห้องแบบ family room 3 คน ราคา 90,000 วอนต่อคืน มีห้องน้ำในตัวค่ะ โดยแอนจะให้วางมัดจำไว้ 10% ซึ่งต้องใช้ Account Paypal ในการโอนเงินมัดจำค่ะ แอนพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะสื่อสารไม่รู้เรื่องนะคะ และนี่คือตัวอย่างห้องค่ะ (เรามาถ่ายตอนกลับมาถึงห้องพักแล้วนะคะ เพราะเราไปเช้ามาก แอนยังไม่ให้เข้าห้องน่ะค่ะ) ที่เห็นด้านซ้ายจะเป็นเตียงนอนสำหรับ 2 คนนะคะ เป็นเตรียงสปริงค่ะ ด้านขวา จะเป็นซิงค์ล้างจาน มีตู้ครัวแขวน ซึ่งจะมีจาน ชาม แก้วน้ำ อุปกรณ์ในการประกอบอาหารอยู่นะคะ ห้องน้ำค่ะ ในห้องน้ำมีกั้นโซนเปียก โซนแห้ง (แต่กั้นไม่อยู่อะ น้ำไหลออกมาตรงใต้ประตูโซนเปียกอยู่ดีค่ะ) และมีเครื่องซักผ้าให้ด้วย (เราไม่ได้ใช้ค่ะ แต่น้องที่ดูแลแทนแอนเค้าทำให้ดูว่าใช้ได้นะ) มองกลับออกมาทางด้านประตูค่ะ ตรงที่วางรองเท้า จะมีตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีไม้แขวนให้ด้วยส่วนหนึ่ง และด้านตรงข้าม จะมีตู้เก็บรองเท้า (ไม่ได้ถ่ายมาอะคะแหะๆ) ซึ่งในตู้จะมีรองเท้าเอาไว้ใส่ในห้องให้อยู่ประมาณ 4 คู่ค่ะ สำหรับที่นี่จะมี ชั้นลอยด้วยนะคะ ซึ่งพอขึ้นบันไดไปปุ๊บ จะเจอเตียงสำหรับ 2 คนนอน 1 เตียง และสำหรับ 1 คนนอน 2 เตียง เรียกได้ว่าถ้ามากันเป็นครอบครัวนี่ จัดปาร์ตี้ในห้องได้เลยค่ะ อุปกรณ์ทำครัวพร้อม รูปข้างล่างนี้เป็นซิงค์ล้างจานค่ะ จะเห็นว่า ทางด้านขวาของรูปมีเตาไฟฟ้าให้ด้วย และมีเครื่องปิ้งขนมปัง พร้อมขนมปังอีก 1 ห่อ ซึ่งขนมปัง แอนจะเอามาเติมให้ทุกวันค่ะ ในตู้เย็น จะมีแยม กับเนยให้นะคะ และที่นี่มีตู้กดน้ำร้อนและเย็นตั้งอยู่ข้างๆเคาท์เตอร์ครัวนั่นแหละค่ะ สำหรับสิ่งที่ต้องเตรียมไปเพิ่มนะคะ (เพราะแอนไม่มีให้น่ะค่ะ) 1. ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ห่อหุ้มตัวได้ - ที่แอนจะมีแต่ผืนเล็ก ขนาดเช็ดหัวน่ะค่ะ สำหรับใครที่ชื่นชอบผืนใหญ่ๆ ให้เอาไปด้วยนะคะ แอนจะทำการเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ทุกวันค่ะ 2. แชมพูสระผม - ที่แอนจะมีให้แต่สบู่ก้อนเล็กๆ (เหมือนเอาไว้ล้างมือมากกว่า แต่เราก็เอามาถูตัวเพราะไม่ได้เตรียมไป) ให้คนละก้อนค่ะ แต่เราใช้กัน 3 คน 4 วันก็ใช้ได้นะในก้อนเดียว 3. ยาสีฟัน และพื้นห้องที่นี่ไม่มีระบบทำความร้อนค่ะ แต่แอนมีฮีทเตอร์ให้ เล่าความประทับใจให้ฟังนิดนึง วันแรกที่เราได้เข้าห้องตอนกลางคืน พอดีเราติดเงินไว้อีก 3,000 วอน เพราะเค้าไม่มีทอน แล้วจะเอาเงินทอนไปให้ เราว่าพื้นห้องมันเย็นมาก เราเลยถามแอนว่า ฮีทเตอร์ที่พื้นปรับได้ตรงไหน แอนบอกว่ามันเป็นของส่วนกลาง แต่ถ้าเราหนาวแอนมีให้ยืม เราบอกว่าเราไม่หนาวเท่าไหร่หรอก แต่พื้นห้องมันเย็นมาก เราก็เลยต้องใส่รองเท้าแตะที่เดินในห้องตลอดเวลา พออีกวันที่เราออกไปเที่ยว แล้วเรากลับมาที่ห้อง เราว่าห้องมันอุ่นขึ้นกว่าวันก่อน พอมาเห็นเครื่องฮีทเตอร์ที่ห้อง ซึ่งตอนก่อนออกไป เราไม่ได้เสียบปลั๊กไว้ แต่นี่มีการเสียบปลั๊กทิ้งไว้ พร้อมเปิดฮีทเตอร์ไว้แล้ว แสดงว่าแอนเค้าใส่ใจมากเลยอ่ะ คราวหน้าถ้าต้องพักในโซล พักที่นี่อีกแน่นอนค่า ชื่อสินค้า:   เที่ยวเกาหลีช่วงฤดูใบไม้ร่วง คะแนน:      **CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศนียบัตรชนะเลิศ การบริการยอดเยี่ยม Tripadvisor.com

Sample Text

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

VartikaAdventure Kuiburi

VartikaAdventure Kuiburi

VartKa Kuiburi

VartKa Kuiburi

Facebook Vartika Adventure Retreatic Resort

Facebook Vartika Resovilla Kuiburi

Popular Posts