วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แชร์ประสบการณ์ จากเด็กนักเรียนธรรมดาคนนึง เก็บเงินไปญี่ปุ่นภายใน4เดือน
สวัสดีค่ะ เมื่อปลายปีที่แล้วเราได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีและน่าประทับใจมาก เนื่องจากฐานะทางคอรบครัวไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความที่เป็น"ติ่ง"วงเจร็อค ทำให้เราตั้งปณิธานกันตัวเองว่า เราต้องไปดูคอนฯให้ได้สักครั้งในชีวิต และเรารู้ดีว่า การที่จะรอให้เขามาจัดในประเทศนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ด้วยความทะเยอทะยาน บวกกับความดันทุรันสูง(5555) ทำให้เราเกิดความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะเก็บเงินเพื่อไปญี่ปุ่น โดยที่ไม่รบกวนเงินในกระเป๋าของคุณพ่อ คุณแม่สักบาท

เราเป็นเด็กมหา'ลัย อายุ20 กำลังเรียนอยู่ในมหา'ลัยแห่งหนึ่งที่สามารถเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยได้ ช่วงต้นปี2014 เรายังคงทำงานอยู่และหมดสัญญาจ้างประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ประมาณ3เดือนที่เราทำงานเราก็ค่อยๆเก็บเงินแบบไม่รีบร้อนอะไรนัก พอหมดสัญญาจ้างเราก็ต้องไปเรียน(เพราะช่วงนั้นยังไม่ปิดเทอม) เงินที่เก็บมาเริ่มร่อยหรอ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ เดี๋ยวค่อยเก็บใหม่ก็ได้....

5 เดือนต่อมา.... เงินเก็บไม่เหลือแล้ว จริงๆยังไม่ถึง5เดือนก็หมดแล้วล่ะค่ะ ช่วงนั้นเลยต้องกลับไปขอเงินแม่ใช้เหมือนแต่ก่อน และในขณะเดียวกัน วงร็อคที่ชื่นชอบ ได้ประกาศคอนเสิร์ตออกมา (คือเขามีคอนฯทั้งปีแต่แบ่งเป็นช่วงๆ) ช่วงที่ประกาศออกมา มีประมาณเดือน พย.-ธค. และเราเล็งวันที่3 ธค. คือต้องไปให้ได้
และนี่คือจุดเริ่มต้น......เพี้ยนนักทดลองเพี้ยนนักทดลอง

พอเดือน7 เราค่อยๆหางานทำ มีเป้าหมายงานไว้ว่า จะทำงานที่เป็นสัญญาจ้าง3เดือน เพราะไม่ต้องการที่จะทำงานระยะยาว แต่ละที่ก็มีข้อแม้นู่นนี่นั่น ทั้งทดสอบงาน สัมภาษณ์ มีบริษัทหนึ่งที่เราไม่ปลื้มมากเลยคือพอเราบอกชื่อมหา'ลัยไปแล้วเบ้ปากใส่... แต่ละที่เรารู้สึกว่าการจะทำงาน3เดือน ต้องทดสอบอะไรเยอะขนาดนี้เลยหรอ(งานที่สมัครส่วนใหญ่เป็นงานธุรการ เราไม่เคยทำมาก่อน แน่นอนว่าสอบไม่ผ่าน5555) จนในที่สุดเราก็เริ่มถอดใจแล้ว เพราะถ้าเดือนนี้หางานไม่ได้ คงเก็บเงินไม่ทัน สุดท้ายก็ลองหางานอีกครั้งในเว็ปไซต์ แล้วเราก็ตั้งใจไปสมัคร ที่นี่แหละ ที่สุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ได้จะไม่ทำแล้ว... ผลคือ เขารับเราเข้าทำงานในตำแหน่งpart-time โดยที่เขาไม่ถามอะไรมากมายเลย คือง่ายมาก และเราก็เริ่มงานประมาณสิ้นเดือน....

เดือน8 ก็ยังคงทำงานที่มีเงินเดือนประมาณ9000 ไปเรื่อยๆแบบไม่คิดอะไร คิดแค่ว่า เหลือเวลาอีก4เดือน 9000คูณ4=32000 มันต้องพอแน่ๆ แต่ลืมคิดไปว่า.... มันต้องเอาเงินไว้ใช้ไว้กินข้าวด้วยนี่หว่า......
สิ้นเดือนเงินเดือนแรกเพิ่งออก และเริ่มรู้สึกว่ามันน้อยนิด "จะพอหรอว้าาาาา" และในสมองเริ่มมีความคิดว่า "ทำอย่างไร ให้รายรับเราเพิ่มขึ้น และเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด"................


นี่เป็นจุดพีคของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้...

          หลังจากที่เริ่มรู้สึกว่าเงินคงไม่พอแน่ๆ หลายคนก็บอกว่า "ไว้คราวหน้าค่อยไปก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบเลย" แหมมมมมม ก็อยากไปอ่ะ ทำไงได้ ก็ต้องหาวิธีให้ได้สิคะ เราก็เลยสวมวิญญาณแม่ค้าเก่า 55555 (เคยเป็นแม่ค้ามาก่อนนะ) สำรวมตลาดดูว่า ณ ตอนนั้น มีอะไรที่คนกำลังนิยมม และเป็นที่ต้องการมาก....
พูดง่ายๆ คือ ขายอะไร? ที่ไหน? ขายอย่างไร? และขายให้ใคร? (อาจจะปนเรื่องค้าๆขายๆมาด้วยนะคะ 55555)

          เราก็เริ่มสำรวจดูในเฟสบุ๊คค่ะ เพราะร้านค้าในเฟสฯ เยอะมาก เราก็หาดูเรื่อยๆ จนเจอกลุ่มขายสินค้ากลุ่มนึง ดูแล้วน่าเชื่อถือ เพราะพ่อค้า แม่ค้าทุกคนต้องลงทะเบียนกับเจ้าของกลุ่ม และกลุ่มนั้นมีผู้ดูแลตลอดเวลา สามารถร้องเรียนได้ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่เป็นหน้าเก่าๆ เชื่อถือได้ แรกๆ ก็เป็นผู้ซื้อก่อนค่ะ ถึงเราเคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องดูว่ากลุ่มนั้นเขาขายกันยังไง ติดต่อลูกค้ายังไง พอเริ่มรู้เรื่องแล้ว เราก็ติดต่อ แอดมินเจ้าของกลุ่มเพื่อลงทะเบียนขอรหัส พอได้รหัสแล้ว เราก็เริ่มหาสินค้ามาขายค่ะ

          สินค้ายอดฮิตตอนนั้นเลยคือ "ไม้เซลฟี่" ค่ะ คิดว่าหลายๆคนคงรู้จัก แถมราคาสูงมากด้วย เราก็ตั้งใจจะขายไม้เซลฟี่นี่แหละค่ะ ก็เลยเริ่มหาร้านขายส่งตามอินเตอร์เนต(เพราะกลัวว่าไม่มีเวลาหาซื้อตามท้องตลาด) แต่ราคาสูงเกินไป ไม่ถูกใจ เราเลยไปตลาดขายส่งเองซะเลย แล้วเดินถามตามร้านขายส่งหลายๆ ร้าน ว่าร้านไหน ถูกที่สุด แล้วเราก็มาเจอร้านนึง เจ้าของร้านใจดีมากและให้ราคาทุนถูกด้วย ก็ตกลงรับมาขายค่ะ แรกๆก็ได้วันละ 2 ชุดบ้าง 3ชุดบ้าง นิดๆหน่อยๆ แต่ขายได้ก็ดีใจแล้ว


เดือน9... หลังจากที่ขายได้สักพักเราก็ทำรายรับรายจ่าย หักลบต้นทุนดูแล้ว ผลคือ ดีค่ะ... รู้สึกดีใจมากตอนนั้น
รู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (เว่อร์ปาย) 555555
ค่ะ... ยอดขายเดือนนี้เพิ่มขึ้นมากจากเดือนที่แล้ว จาก6 เป็น 12 เป็น 24 ชุด ทุกๆวันหลังเลิกงาน ก็มานั่งแพคของ ส่วนแฟนจะเป็นคนไปซื้อของตอนกลางวัน เช้าก็เอาของไปส่งที่ปณ. ทำเป็นกิจวัตรเลยก็ว่าได้ ถามว่าเหนื่อยมั้ย มันต้องเหนื่อยอยู่แล้วล่ะค่ะ นอนตีสอง ตื่นแปดโมงไปทำงานทุกวัน ต้องขอบคุณแฟนเราด้วยแหละค่ะ เพราะเค้าช่วยเราตลอดและเขาจะเป็นเพื่อนร่วมทางไปกับเราในทริปนี้อีกด้วย นานามาลัย


เดือน10.... ทุกๆสัปดาห์ เราจะทำบัญชีสรุปรายได้ตลอดค่ะและสรุปรวมอีกที สิ้นเดือน (ถึงมันจะเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่บัญชีรายรับรายจ่ายก็สำคัญมากนะ) และแล้วเดือนนี้ สิ่งที่คิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น+++++สิ่งที่เห็นในบัญชีคือ.... เงิน เพียงพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินได้!!! ฟหกดเ่าสววง!@#%^
ตื่นเต้นและดีใจมากกกกกก พอได้จังหวะ เราก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินเลยค่ะ เราจองของแอร์เอเชีย แต่ไม่ทันช่วงBig Sale ทำให้ได้ตั๋วราคากลางๆ รวมแล้วประมาณหมื่นสาม ลงโอซาก้า(เพราะราคาถูกกว่าลงนาริตะ)

และเดือนนี้ ยอดขายดีมากค่ะ เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเยอะมาก +กับมีสินค้าใหม่ๆเพิ่มเข้ามาในร้าน และเราก็เริ่มหา "ตัวแทนจำหน่าย" และเริ่ม "ขายสินค้าราคาส่ง" ทำให้มีลูกค้ามากขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้นตามลำดับ บอกเลยว่าไม่กังวลอะไรแล้ว ทุกอย่างแฮปปี้มาก เพราะยอดเงินสรุปในบัญชีตอนสิ้นเดือน เชื่อมั้ยคะว่าเดือนนั้นมีรายรับ ไม่ตำกว่า 5หมื่น !! มายก๊อดดดด เกิดมายังไม่เคยมีเงินในบัญชีขนาดนี้เลย แต่นี่ยังไม่หักต้นทุนสินค้านะคะ พอหักแล้ว ก็ยังมีเงินพอที่จะซื้อตั๋วคอนเสิร์ต และจองโรงแรมด้วย

สรุป เดือนนี้เราได้อะไรบ้าง 1.ตั๋วเครื่องบิน 2.ตั๋วคอน 3.จองที่พัก
ขาดอะไรคะ!!! ขาดค่ากิน ค่าชอปปิ้งไงคะะะ เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเองด้วย ถามว่าซีเรียสมั้ย มากกกกกกกกก มากกว่าตอนยังไม่ได้ตั๋วเครื่องบินอีก 55555 ก็ได้ไปแล้วไม่มีเงินจะอยู่ยังไงอ่ะ.... ก็ตั้งใจหาเงินต่อสิ!!!



ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมากต่อ ^^


.
.
.
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ เพิ่งลองเขียนแนวนี้ครั้งแรกเลย

อยากให้บทความนี้เป็นกำลังใจกับทุกคนที่มีความฝัน แค่เรามีความพยายาม มีความตั้งใจจริง ฝันก็เป็นจริงได้ค่ะ
พาพันขอบคุณพาพันชอบพาพันรดน้ำต้นไม้ แก้ไขข้อความเมื่อ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศนียบัตรชนะเลิศ การบริการยอดเยี่ยม Tripadvisor.com

Sample Text

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

VartikaAdventure Kuiburi

VartikaAdventure Kuiburi

VartKa Kuiburi

VartKa Kuiburi

Facebook Vartika Adventure Retreatic Resort

Facebook Vartika Resovilla Kuiburi

Popular Posts