เด็ผู้หญิงตรงกลางนั้นชื่อ Kim Phuc เธอเป็ส่วนหนึ่งของภาพ The Terror of War (Nick Ut) ภาพที่ถ่ายในช่วงสงครามเวียดนาม คิมอยู่ในสภาพเปลื่อยเพราะแรงระเบิดเผาผลาญเสื้อผ้าแล้วผิวหนังบางส่วนของเธอ
วิพากษ์โลกร้อนผ่านตัวอักษรง่ายๆ แต่เล่นกับสถานที่
วิพากษ์การดักฟังของรัฐบาล
หรือแม่แต้ Social Media
ช่วงหลังงานของเขาเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการย้ายงานของเขาที่พ่นไว้ในสถานที่ต่างๆเพื่อในไปขาย แล้วเขาตอบรับยังไงน่ะหรอ ด้วยภาพนี้ไงล่ะ
มาถึงเรื่องฉนวนกาซ่า หรือเมืองกาซ่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกของ Banksy ที่พูดประเด็นนี้ เขาเคยสร้างงานบนกำแพงเหล่านี้แถวเวส แบงมาแล้ว
แต่คราวนี้เขาแอบเข้าไปในตัวเมืองกาซ่าเลย สร้างงานท่ามกลางซากปรักหักพัง
งานชิ้นนี้มีชื่อว่า “Bomb Damage” เป็นภาพของเทพี Niobe เทพีในตำนานกรีกผู้พยายามปกป้องลูกของเธอจาก Artemis และ Apollo มาเป็นตัวตัวแทนของแม่ที่ต้องเสียลูกไปในสงคราม
ภาพเทพี Niobe พยายามปกป้องลูกของเธอ เป็นงานวาดฝีมือ Jacques-Louis David
ชิ้นต่อมาเป็นรูปแมว ทำไมต้องเป็นแมวน่ะหรอ? ก็เพราะว่าคนในอินเตอเน็ตสนใจแต่แมวนะสิ :/
รูปชิงช้ารูปร่างแปลกตานี้ สื่อถึงกาซ่าที่เป็นเหมือนคุกขนาดใหญ่ เพราะเมืองนี้ไม่อนุญาติให้ใครเข้าออก แต่ยิ่งแย่กว่าคุกก็ตรงที่ว่าพวกเขาโดนตัดไฟตัดน้ำไม่เว้นแต่ละวัน
และชิ้นสุดท้ายเป็นเพียงข้อความ
“IF WE WASH OUR HANDS OF THE CONFLICT BETWEEN THE POWERFUL AND THE POWERLESS WE SIDE WITH THE POWERFUL – WE DON’T REMAIN NEUTRAL”.
ถ้าแปลแบบตรงตัวก็จะเป็น
“หากเราล้างมือในความขัดแย้งระหว่างคนเข้มแข็งและอ่อนแอ แล้วเราเลือกอยู่ข้างคนเข้มแข็ง – อย่างนั้นไม่เรียกว่าเป็นกลาง”
ยังมีสารดคีสั้นๆ ที่เล่าถึงเรื่องราวในเมืองนี้ การแอบเข้าไปของเขา และความเห็นของชาวเมืองที่มีต่องาน ต่อให้เป็นสารคดีก็ยังคงไม่ทิ้งการจิกกัดในการตั้งชื่อว่า “Make this the year YOU discover a new destination” หรือ “ทำให้ปีนี้ คุณค้นพบสถานที่ใหม่” ที่เหมือนล้อเลียนวีดีโอแนวท่องเที่ยวที่พาเราไปพบเจอสถานที่แปลกตาที่เราไม่เคยเห็น ร้ายกาจสมเป็น Banksy จริงๆ
สามารถติดตามงานของเขาทั้งบนเว็บไซต์ http://banksy.co.uk และเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/banksy
===========================================
ดูหนังเรื่องเดิมในมุมมองใหม่กับเพจ
ตีลังกาดูหนัง
https://www.facebook.com/SomersaultFilms
https://basicbaldguy.wordpress.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น