วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คิดอยู่นานและว่าจะแชร์ดีมั้ย ? เรื่องแบบนี้ แถมเพิ่งมีดราม่ารถไฟญี่ปุ่นไปไม่นานนี้ซะด้วย
คิดไปคิดมาๆๆๆๆๆๆ อยู่หลาบรอบมาก แต่... นี่เป็นเรื่องของเพื่อนเรานี่นา แถมอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นและกำลังคิดอย่างที่เพื่อนเราเคยคิดมั่งก็ได้ ๕๕๕
โอเค ย้ำอีกทีนี่เป็นเรื่องของเพื่อนเรา ต่อไปนี้จะขอเล่าแบบยกจากปากเพื่อนมาเลย จะได้ไม่ต้องแทนตัวบุคคลที่ 3 ให้ยุ่งยาก
เพื่อนเรา 2 คน เราขอแทนมันว่า กล้วยหอมจอมซน B1 กะ B2 แล้วกันนะ
"คืองี้ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เราได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสมัยที่ยังไม่ได้ฟรีวีซ่าแบบทุกวันนี้ เจอตั๋วเครื่องบินราคาโปรฯ ประมาณ 16,000 บาท ก็ตาลุกวาวอ่ะดิ ก็รีบจองกันไป พอจองไปแล้วก็ต้องมานั่งลุ้นขอวีซ่าอีก งานการก็มีทำแล้วล่ะ แต่ไอ้เงื่อนไขการขอวีซ่าที่ต้องแนบ statement นี่ดิ มันช่างยากลำบากเหลือแสน มีงานใช้แค่พอชนเดือน แล้วยังต้องพยายามทำ statement ให้งามๆ อีก แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้แบบลุ้นสุดฤทธิ์
ด้วยความที่ีไปครั้งแรก และญี่ปุ่นนี่เป็นประเทศที่แปลกมาก attraction มันเยอะแยะไปหมด เวลาแค่ 8 วัน 7 คืน นี่ไม่มีทางไปได้ทุกที่ที่อยากไป ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่าจะมีโอกาสได้ไปอีกเมื่อไหร่ หรือแบบแย่สุดๆ คือไม่รู้ว่าจะได้ไปอีกหรือเปล่าด้วย ก็เลยเลือกไปมันแต่ที่แมสๆ อย่าง Tokyo Tower, ตลาดปลา Tsukiji, Hakone, Kawaguchiko, Mt. Fuji, Osaka Castle, วัดทอง, วัดน้ำใส, Gion, Gala Yuzawa, Shibuya, Shinjuku และ Kamakura ประมาณนี้ แต่พวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เราคุยกะเพื่อนตั้งแต่แรกที่คิดจะไปญี่ปุ่น ประเด็นสำคัญมันคือ...
ใช่แล้ว เราคิดเหมือนอย่างที่ผู้ชายทุกคนคิด ไปถึงยานแม่ ต้นกำเนิดหนังที่ชายไทยคุ้นเคยกันมากที่สุดและก็เชื่อว่าเป็นหนังที่ไม่เคยมีใครดูจนจบเรื่องมากที่สุด อย่างหนัง AV ทั้งที ต้องไปให้ถึงดิวะ ก็เลยตั้งใจว่าจะต้องไปให้ถึง อยู่ที่ว่าจะไปวันไหน คืนไหน เท่านั้นเอง และแล้วโอกาสก็มาประจวบเหมาะเอาที่คืนสุดท้ายก่อนกลับไทยแลนด์
วันนั้นเราพักโรงแรมแถวๆ ชินจูกุ แต่เราไม่รู้แหล่งหรือสถานที่ที่เราต้องการไป ก็คุยกะเพื่อน เฮ้ย มันต้องมีดิวะ คือก่อนนี้เราไปเดินที่ Dotonbori ที่โอซากา แถวๆ นักวิ่งกูลิโกะนั่นแหละ ก็มีชายฉกรรจ์เอาอัลบั้มรูปสาวๆ น่ารักๆ โมเอะๆ มาให้ดู เราก็ทำทีเป็นไม่สนใจ เพราะก็กลัวอ่ะนะ ว่ามันจะมารูปแบบไหน ทั้งที่ใจจริงนี่อยากถามราคาซะให้รู้แล้วรู้แรด พอวันนี้อยู่แถวชินจูกุก็เลยเดินหากันไปเรื่อย คือแบบมุมานะมากกะเรื่องนี้เนี่ยนะ ก็วนไปวนมา เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ จนในที่สุด ในที่สุด...
เราก็มายืนอยู่ในจุดที่แบบว่า... อธิบายไม่ถูก ยกตัวอย่างง่ายกว่า มันประมาณ walking street ที่พัทยา แต่น่าจะใหญ่กว่าประมาณ 10 เท่า (อันนี้ไม่รู้นะ มั่วเอา) และมารู้ทีหลังว่าย่านนั้นมันคือ Kabukijo หรือย่านโคมแดงอันลื่อเลื่องนั่นเอง ก็เจอชายฉกรรจ์เอาอัลบั้มรูปสาวๆ มาให้ดูเหมือนกันเลย เยอะมาก ทั้งคนญี่ปุ่น(น่าจะนะ) และก็พวกผิวดำ(ไม่รู้ชาติไหน) เรากะเพื่อนก็เดินผ่านๆ ก็คุยกันว่าเอาไงดีวะ เดินมาขนาดนี้แล้วอย่าให้เสียเที่ยวน่า ก็เลยตัดสินใจเข้าไปถาม พอเราเข้าไปคุยซึ่งคุยกันไม่รู้เรื่องมาก พูดภาษาอะไรไม่รู้ หรือเป็นภาษาอังกฤษแต่สำเนียงเราฟังไม่ออก เอ๊ะ หรือเค้าฟังสำเนียงเราไม่ออกกันนะ แต่ประมาณว่าเอาแน่แล้ว เค้าก็เลยบอกให้เรารอแปป ซักพักก็มีชายญี่ปุ่นแต่งตัวดี ใส่สูท เข้ามาคุยก็แนะนำนั่นนี่ สรุปว่า ราคารวมทุกอย่าง 20,000 เยน แต่ถ้าระดับดารา AV เคยออกหนังแผ่น 25,000 เยน เราก็ย้ำแล้วนะว่าขอราคารวมทุกอย่าง เค้าก็ออๆ เราตกลงขอ 20,000 เยนเพราะก็แบบโคตรโมเอะแล้ว แต่เพื่อนเราขอระดับ AV จ้ะ 25,000 เยน เอ้าพอตกลงก็จ่ายเงิน 45,000 เยน แต่... เค้าเรียกเก็บอีกคนละ 15,000 เยน เค้าบอกเป็นค่าประกัน เสร็จอะไรนั่นนี่แล้วจะคืนเงินตรงนี้ เรากะเพื่อนก็แบบ เฮ้ย เอาไงดีวะ แต่ด้วยความใสซื่อ เออ เดี๋ยวเค้าก็คืนน่า ก็ควักจ่ายไปอีก 30,000 เยน เค้าก็พาเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยเล็กๆ ก็เริ่มเสียวๆ และ จริงเปล่าวะนี่ จะทำไรกูมั้ย ฯ แปปนึงก็มาถึงโรงแรม อ่ะ เค้าก็ส่งเราที่นี่ บอกให้เรารอ แล้วเดี๋ยวจะมีสาวๆ มา พอเข้าไปในโรงแรม ก็มีคนคุมอยู่ เป็นชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ คือไม่บึ้กแบบพวกเล่นกล้ามนะ แต่ตัวใหญ่ๆ ตันๆ ผมเกรียนๆ เฮ้ย นี่มันภาพจำของพวกยากูซ่าที่เราเคยเห็นในหนังเลยนะ เอาแล่ววววว เค้าก็เรียกเก็บเงินอีกคนละ 8,000 เยน บอกว่าเป็นค่าห้อง เอาอีกแล้ว เก็บตังค์อีกแล้ว ไหนไอ้เมื่อกี้บอกรวมทุกอย่างแล้วไง ก็พยายามอธิบาย แต่พี่แกก็ไม่ฟัง บอกอย่างเดียวว่าต้องเก็บ เราจะทำไงได้ล่ะ ก็ต้องจ่ายอ่ะดิ มาถึงขั้นนี้แล้ว จ่ายไปขนาดนี้แล้ว แต่ปัญหาคือ เงินไม่พอแล้วจ้ะ ไอ้ที่จ่ายๆ ไปนั่นคือเงินที่เรารวมกะเพื่อนแล้ว แต่ ณ จุดนี้ เหลือแค่หมื่นกว่าเยน พอแค่ห้องเดียว ด้วยความที่กลัวโดนเบี้ยว เพื่อนเราเลยต้องไปเอาเงินก็อกสองที่โรงแรม ส่วนเรานั่งคอยที่นี่ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง แต่เรารู้สึกว่ามันนานเป็นวัน เลยโทรหาเพื่อน ติดต่อไม่ได้อ่ะ เอาแล้ว ซวยแล้ว เอาไงดีวะ ก็ยังข่มใจคอยต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง จนแบบไม่ไหวแล้ว ก็เลยไปบอกคนคุมว่า ไม่คอยแล้ว ขอจ่ายก่อนเลย 8,000 ห้องนึง แต่พี่แกบอกกลับมาว่า 8,000 ไม่ได้แล้ว ต้อง 10,000 นึง เพราะเสียเวลา เอาอีกแล้ว แต่ทำไงได้ เสียวมาก ณ จุดนี้ เพราะตอนนี้มีเราคนเดียว ไม่กล้าขัดขืนอะไร ควักจ่ายไปอีก 10,000 เยน เค้าก็ให้เราเข้าไปรอในห้อง ซึ่งแคบมาก ความยาวประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ความกว้างไม่ถึง 2 เมตรแน่ๆ รอซักพักก็มีสาวญี่ปุ่นเข้ามา พูดอังกฤษแบบฟังยากๆ แต่ ณ จุดนี้ก็คงไม่ต้องสื่อสารอะไรมากแล้วล่ะ แต่... สาระสำคัญไม่ใช่ตรงนี้ สาระสำคัญคือ ไม่เหมือนในรูปนี่ คุณหลอกดาวนี่ แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ เอ๋อๆ อยู่ เค้าก็บอกให้เราถอดเสื้อผ้า ทุกชิ้น เราก็แบบเขินๆ นะ แต่ก็ต้องจำใจถอดหมด แล้วเค้าก็เอามือมาจับไอ้นั่นเรา ใช่ ไอ้นั่นแหละ แล้วก็บอกว่า เราต้องจ่ายอีก 10,000 เยนเป็นค่าทิป ... หดเลยจ้ะ หดเลย ก็อธิบายอีกครั้งว่า เราน่าจะจ่ายไปหมดแล้วนะ เค้าก็ยังยืนยันว่าต้องจ่ายอีก 10,000 นึง เราเลยควักเงินที่เรามีทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเหรียญ นับได้ประมาณ 5,000 กว่าเยน เราก็บอกว่า มีเงินประกันอยู่นะ 30,000 เยน ไว้ได้เงินประกันคืนค่อยจ่ายได้มั้ย เค้าก็ดูไม่ค่อยพอใจ เอาเงินเราไปทั้งหมด บอกให้เราคอยแล้วเดินออกไป ปล่อยให้เรานั่งหงอยในสภาพเปลือยเปล่า โอ้ยยยยยยย เอาไงดีวะ ตอนนี้ ตังค์ไม่เหลือแม้แต่เยนเดียว สิ่งมีค่าตอนนี้คือ passport และ JR pass ที่ยังไม่หมดอายุการใช้งาน โทรหาเพื่อนก็ยังคงโทรไม่ติด ก็เลยนั่งรอแบบนั้นไปอีกซักพัก ไม่นานนะ แต่ความรู้สึกเหมือนชั่วกัปป์ชั่วกลป์ จนไม่ไหวแล้ว แต่งตัวออกมานอกห้อง เจอไอ้คนคุมคนเดิม มันก็ถามว่าเราจะไปไหน เราบอกจะกลับแล้ว มันบอกไม่ต้องกลับ คอยเพื่อนอยู่นี่แหละ ตอนนั้น เสียวมาก เสียวจริงๆ คือกลัวไปหมดทุกอย่าง พอดีว่าคนคุมนั้นนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็เลยอาศัยจังหวะนี้แหละ ผลักประตูและวิ่งอย่างเดียว วิ่งหน้าตั้งเลย วิ่งแบบไม่รู้ทางด้วยนะ ขอแค่พ้นจากตรงนี้ไปก่อน ไปเจอที่ที่คนเยอะๆ ก่อน จนเหนื่อยก็เลยหยุด หิวน้ำมาก แต่ไม่สามารถเพราะไม่มีตังค์เลยซักเยนเดียว ก็เอาวะ ตั้งสติและหาทางกลับ ก็ถามทางคนเดินๆ อยู่จนไปถึง Shinjuku Station เท่านั้นแหละ รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ประมาณว่า กูรอดแล้ว Survivor Japan กูเป็นผู้ชนะ เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตัดภาพมา เดินคอตกแบบเหงาๆ กลับโรงแรมที่พัก หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย สมองนี่ทำงานหนักมาก จนมาถึงโรงแรมก็เจอเพื่อนอยู่ที่ห้อง เราก็ด่ามัน โกรธมาก ทำไมทิ้งกูแบบนี้ มันบอกว่า มันเดินกลับไปแล้ว แต่จำทางไม่ได้ หาโรงแรมนั้นไม่เจอ และก็ขอโทษเรายกใหญ่ เราก็มาคิดนะว่ามันคงจริงแหละ เพราะเราเองก็จำทางไม่ได้แน่ๆ มันเล่นพาเราเดินซอกซอนขนาดนั้น แล้วเป็นไงรู้มั้ย มันถามเราว่า "เด็ดมั้ย ?" ใจนี่แบบ ยังจะมีอารมณ์นะ กูนี่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป ปล่อยให้มันอยากรู้ไปงี้แหละ มันคงคิดว่าเราควบสองแน่ๆ ๕๕๕ ไม่บอกหรอก บอกแค่ว่า เสียวฝุดๆ"
จบแล้ว ประสบการณ์เสียว ณ Japan
อ้อ ย้ำอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องของเพื่อนเรานะ เราไม่รู้ เราแค่อยากมาแชร์ให้คนที่คิดและอยากลองแบบเพื่อนเรา ให้ลองกลับไปคิดทบทวนดูอีกซักครั้ง ก่อนจะเสียเงินไปเป็น 100,000 เยน
เป็นไง เสียวมั้ย ???

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประกาศนียบัตรชนะเลิศ การบริการยอดเยี่ยม Tripadvisor.com

Sample Text

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

VartikaAdventure Kuiburi

VartikaAdventure Kuiburi

VartKa Kuiburi

VartKa Kuiburi

Facebook Vartika Adventure Retreatic Resort

Facebook Vartika Resovilla Kuiburi

Popular Posts